คนยากจน มีเลือดเนื้อ มีความรู้สึก มีความกลัวภัย และมีสัญชาตญาณในการสืบพันธ์เช่นเดียวกันกับคนมั่งมี ในเนื้อแท้ของคนไม่มีอะไรแตกต่างกัน จะต่างกันก็เพียงเปลือกนอกเท่านั้น ทำไมคนบางคนจึงมองข้างความจริงเรื่องนี้ไปเสีย แล้วมาตั้งหน้าตั้งตารังเกียจเดียดฉันท์กันว่า นั่นเป็นเจ้าเป็นนาย เป็นไพร่เป็นบ่าวกันทำไมนักหนาหนอ คนจนก็มีหัวใจเหมือนกันแหละนะ อย่าได้ดูถูกคนเลยครับ โปรดคิดถึงวันที่โดนเผามอดไหม้แล้ว ข้าพเจ้าเห็นไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย ยังไงคนจนก็คนคือกันนะครับ โปรดเข้าใจ…
วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
เรียนรู้คู่คุณธรรม
คำว่า “การศึกษาที่สมบูรณ์”นั้น ข้าพเจ้ามิได้หมายถึง การศึกษาสูงเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึง ความรู้และความประพฤติดี ซึ่งต้องควบคู่กันไป คนที่มีความรู้ดี ความรู้สูง แต่ขาดความประพฤติดี ก็เหมือนไม้ที่สูงแต่หาใบมิได้ ไม่ร่มเย็น ให้ความสุขแก่ใครไม่ได้ ส่วนผู้ที่มีความประพฤติดี แต่ขาดความรู้ ย่อมเป็นเหมือนไม้ที่ใบมาก แต่ต้นเล็กเกินไป เตี้ยเกินไป พอคุ้มครองรักษาตัวเองได้ แต่เป็นที่พึ่งอาศัยของคนเดินผ่านมาผ่านไป หรือคนมีความทุกข์ที่เกิดจากความร้อนไม่ได้เช่นเดียวกัน แล้วอย่างนี้เธอจะเป็นคนแบบไหนละ…
วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
อย่าลืมกำพืดเดิมนะ
วันนี้ข้าพเจ้าดูละคนเรื่อง ซือกงเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ พระราชาเห็นซือกงกินมันที่หมกในดินเลยถามว่า เป็นคนใหญ่คนโตแล้วทำไมต้องกินของพวกนี้ด้วย ไม่มีค่า ไม่น่ากิน เป็นของคนจนเขากินกัน และซือกงก็ตอบว่า ที่ฉันกิน เพราะฉันกินเพื่อจะได้ไม่ลืมตัว ว่าฉันเป็นคนจนมาก่อน เวลาจะทำอะไร จะได้ไม่ดูถูกคนจน ดูถูกชาวนา ทำตามความยุติธรรม เคารพสิทธิเสรีภาพของความเป็นมนุษย์ของคนทุกคน บางทีคนจน อาจดูข้างนอกหยาบกร้าน สกปรก แต่ข้างใน ซึ่งคือจิตใจของเขาดูแล้วอาจเป็นคนประเสริฐที่สุด เป็นเหมือนดังแม่พระของลูกๆ ของเขาเอง เหมือนเผือก มัน เผา ดูข้างนอกแล้วสกปรกไม่น่ากิน แต่ถ้าปลอกเปลือกออกแล้ว จะเห็นว่า สีทองเหลืองอร่าง หอม ชวนรับประทานมากนักหนา ฉะนั้นอย่าได้ดูถูกคนเลย อย่าลืมตัวเลยว่า ความสุขที่เราได้อยู่ในปัจจุบันก็เพราะอาศัยชาวบ้าน มีชื่อเสียงโด่งดังได้เพราะพวกเขา ดังนั้นควรจะรู้สึกถึงบุญคุณของพวกเขาบ้างอย่างได้หยิ่งนักนะครับ…
วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
เสียใจจริง ๆ
ข้าพเจ้ายืนมองเธอจากไปอย่างช้าๆ จนสุดสายตา รู้สึกเหมือนใจจะหลุดลอยไปด้วย พร้อมๆ กันนั้นน้ำตาก็ไหลพรากลงอาบแก้ม ใครเล่าจะทราบซึ้งถึงความรู้สึกของข้าพเจ้ายิ่งกว่าตัวข้าพเจ้าเองได้ ตั้งแต่ลืมตาดูโลกมา ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ข้าพเจ้าได้รับรสแห่งการพลัดพรากจากคนอันเป็นที่รัก ดวงใจของข้าพเจ้ายังบอบบางเกินที่จะไปทนต่อการกระแทกกระทั้น แห่งความทุกข์ทรมานอันมักจะมีอยู่เสมอในชีวิตมนุษย์ผู้กระเสือกกระสนอยู่ในทะเลแห่งความหวัง ความต้องการ ความปรารถนาในอารมณ์อันเป็นที่รัก และความเป็นห่วงคนรัก และตนเอง..
วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
การทรมาน คือ การจากกัน
ภาพอันเป็นที่ตั้งแห่งความสะเทือนใจอย่างยิ่ง ก็คือ ภาพหนุ่มสาวที่เพิ่งรักกันใหม่ ๆ แล้วมีเรื่องที่คนรักจะต้องจากไปจากเมือง เพราะความจำเป็น เธอผู้อยู่เบื้องหลังก็คิดไปต่างๆ นาๆ ตามประสาแห่งสตรีซึ่งมักจะคาดเหตุการณ์ไปในทางร้าย จึงเฝ้าวอนสั่งเสียชายอันเป็นที่รักแห่งตนด้วยความอาลัยสุดหักห้าม ส่วนชายเล่าเมื่อใกล้เวลาขบวนรักจะออกก็รู้สึกเหมือนดวงใจของตนจะหล่นอยู่ ณ ที่นั้นนั่นเอง..
วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
ใครน่ารักกว่าใคร
ความรักเป็นสิ่งสูงส่ง สวยงามมีความนิ่มนวล ละเมียดละไมแทรกซึมอยู่อย่างประหลาด การแสดงอะไรออกมาตามความรู้สึกของหัวใจ เป็นความผิดจนถึงต้องได้รับการดูหมิ่นเชียวหรือ ถ้าอย่างนั้นการมีเล่ห์กลมารยา การหลอกลวง ก็เป็นสิ่งที่ควรยกย่อง หรือเชิดชูกระมั่ง หามิได้ ทุกคนชอบความสนิทใจ ความสุจริตใจ เมื่อเธอได้กระทำอะไรลงด้วยความสุจริตใจ และสิ่งนั้นไม่ก่อความเดือดร้อนให้ใคร เธอจะมีความผิดอะไร ดันควรแก่การตำหนิเทียวหรือครับผม…
วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
ใครโง่กว่าใคร
มีบ่อยครั้งเหลือเกินในโลกอันยุ่งเหยิงนี้ ที่สตรีหยิบยื่นหัวใจอันมีค่ายิ่งของเธอเพียงเพื่อแลกกับอารมณ์ของชาย โดยที่เธอไม่รู้ว่านั่นเป็นเพียงอารมณ์ของเขา มิใช่หัวใจหรือความรู้สึกที่แท้จริงอะไรเลย ยิ่งถ้าเธอเคราะห์ร้ายไปสมาคมด้วยชาย ซึ่งมีลิ้นอันราดรดฉาบทาไว้ด้วยน้ำตาลด้วยแล้ว เธอจะลิ้มแต่ความหวานซึ่งกระเซ็นออกมาจากปลายลิ้นของเขามิเว้นแต่ละวัน แต่ทั้งนี้มิได้หมายความว่าชายที่พูดหวานหูนั้น จะปราศจากความจริงใจและความซื่อสัตย์เสียทุกคนไป บางทีเธอก็รู้ว่านั้นเป็นอารมณ์ของเขามิใช่หัวใจเขา แต่เธอก็ยินยอมทั้ง ๆ ที่รู้นั่นเอง อะไรทำให้เธอยินยอม เป็นเรื่องที่เธอตอบไม่ได้ ตอบไม่ได้ว่าเพราะอะไร มีอยู่เหมือนกันมิใช่หรือที่สตรียินยอมมอบกายให้โดยที่ใจไม่ยินยอม สตรีทำได้ในทำนองเดียวกันบางคราวใจเธอก็ยินยอม แต่เธอไม่ยอมมอบกายให้
ความจริงข้อหนึ่งที่พวกผู้ชายมักจะมองข้ามไปเสีย คือสตรีนั้นมีความฉลาดในเล่ห์กลของมนุษย์ และเหลี่ยมคูของผู้ชาย แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าชายเธอมักแกล้งทำเป็นไม่รู้ พวกผู้ชายจึงเข้าใจว่าเธอโง่ ความจริงในเรื่องทำนองผู้ชายโง่กว่าผู้หญิงมากนัก การที่เข้าใจว่าผู้หญิงโง่นั้น ทำให้ผู้ชายรุกล้ำเข้าไปในวงชีวิตของเธออย่างทะนง และห้าวหาญ สตรีส่วนใหญ่มีสายเลือดมด มีธาตุสำลีอยู่มาก ในที่สุดเธอก็ยอม ยอมดื่มน้ำตาล และลอยคว้างเหมือสำลีที่ถูกลมแรงพัด
ความจริงอีกข้อหนึ่งซึ่งสตรีได้ก้าวหน้าไปไกลกว่าชายมาก คือ มีความรู้สึกว่า มีบางสิ่งบางอย่างในโลกนี้ที่ดีกว่า สดสวยกว่าความใคร่ทางร่างกาย ดังนั้นความรักของเธอจึงละเมียดละมัย อ่อนนุ่มและสูงส่งเหนือความใคร่ทางเนื้อหนัง ผิดกับความรักของชายซึ่งมักจะมีแต่ความเร่าร้อนและความปรารถนา มีความต้องการความสุขทางความใคร่ที่ฉาบฉวย ความปรารถนาของเขาเหมือนเด็กที่ต้องการกินข้าวต้มที่ยังร้อน ซึ่งเพิ่งยกลงจากเตาใหม่ ๆ ไม่ค่อยรู้จักรั้งรอเวลาอันเหมาะสม ผู้ชายจึงมักลิ้นพอง เจ็บปวด เพราะเรื่องทำนองนี้อยู่เนือง ๆ และในที่สุดผู้หญิงก็ต้องยอม ยอมเหมือนมารดาที่มีความกรุณา ไม่อาจทนต่อการรบเร้าเง้างอของลูกอีกต่อไป เมื่อเด็กน้อยได้กินข้าวต้มสมอยากแล้ว ก็ทิ้งชามจานไว้ให้เป็นภาระของมารดา แล้วออกวิ่งเล่นกับเพื่อนฝูงอย่างสนุกสนานเพลิดเพลินโดยมิต้องคำนึงว่า มารดาจะต้องรับผิดชอบอะไรบ้างและเหน็ดเหนื่อยเพียงใด
ผู้ชายส่วนใหญ่เป็นเพศที่ค่อนข้างเห็นแก่ตัวในเรื่องนี้ เขากินสบาย นอนสบาย เขามักจะคำนึงถึงและรู้จักแต่ความสุขสำราญแห่งตน ไม่ค่อยนำพาต่อหน้าที่หรือความรับผิดชอบร่วมกัน เขาเกิดมาเป็นชาย เขาภาคภูมิใจในความเป็นชายของเขา นอกจากนี้สิ่งแวดล้อมทั้งทางร่างกาย และสังคมยังเปิดโอกาสให้เขาใช้ความเป็นผู้ชายอย่างเต็มที่อีกด้วย ดังนั้น จึงไม่ต้องสงสัยเลยที่ผู้ชายบางคนใช้สิทธิเสรีภาพแห่งความเป็นชายเสียจนเกือบไม่เหลือ ความเป็นคน อยู่ในเรือนร่างและจิตใจของเขานะครับ…
ความจริงข้อหนึ่งที่พวกผู้ชายมักจะมองข้ามไปเสีย คือสตรีนั้นมีความฉลาดในเล่ห์กลของมนุษย์ และเหลี่ยมคูของผู้ชาย แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าชายเธอมักแกล้งทำเป็นไม่รู้ พวกผู้ชายจึงเข้าใจว่าเธอโง่ ความจริงในเรื่องทำนองผู้ชายโง่กว่าผู้หญิงมากนัก การที่เข้าใจว่าผู้หญิงโง่นั้น ทำให้ผู้ชายรุกล้ำเข้าไปในวงชีวิตของเธออย่างทะนง และห้าวหาญ สตรีส่วนใหญ่มีสายเลือดมด มีธาตุสำลีอยู่มาก ในที่สุดเธอก็ยอม ยอมดื่มน้ำตาล และลอยคว้างเหมือสำลีที่ถูกลมแรงพัด
ความจริงอีกข้อหนึ่งซึ่งสตรีได้ก้าวหน้าไปไกลกว่าชายมาก คือ มีความรู้สึกว่า มีบางสิ่งบางอย่างในโลกนี้ที่ดีกว่า สดสวยกว่าความใคร่ทางร่างกาย ดังนั้นความรักของเธอจึงละเมียดละมัย อ่อนนุ่มและสูงส่งเหนือความใคร่ทางเนื้อหนัง ผิดกับความรักของชายซึ่งมักจะมีแต่ความเร่าร้อนและความปรารถนา มีความต้องการความสุขทางความใคร่ที่ฉาบฉวย ความปรารถนาของเขาเหมือนเด็กที่ต้องการกินข้าวต้มที่ยังร้อน ซึ่งเพิ่งยกลงจากเตาใหม่ ๆ ไม่ค่อยรู้จักรั้งรอเวลาอันเหมาะสม ผู้ชายจึงมักลิ้นพอง เจ็บปวด เพราะเรื่องทำนองนี้อยู่เนือง ๆ และในที่สุดผู้หญิงก็ต้องยอม ยอมเหมือนมารดาที่มีความกรุณา ไม่อาจทนต่อการรบเร้าเง้างอของลูกอีกต่อไป เมื่อเด็กน้อยได้กินข้าวต้มสมอยากแล้ว ก็ทิ้งชามจานไว้ให้เป็นภาระของมารดา แล้วออกวิ่งเล่นกับเพื่อนฝูงอย่างสนุกสนานเพลิดเพลินโดยมิต้องคำนึงว่า มารดาจะต้องรับผิดชอบอะไรบ้างและเหน็ดเหนื่อยเพียงใด
ผู้ชายส่วนใหญ่เป็นเพศที่ค่อนข้างเห็นแก่ตัวในเรื่องนี้ เขากินสบาย นอนสบาย เขามักจะคำนึงถึงและรู้จักแต่ความสุขสำราญแห่งตน ไม่ค่อยนำพาต่อหน้าที่หรือความรับผิดชอบร่วมกัน เขาเกิดมาเป็นชาย เขาภาคภูมิใจในความเป็นชายของเขา นอกจากนี้สิ่งแวดล้อมทั้งทางร่างกาย และสังคมยังเปิดโอกาสให้เขาใช้ความเป็นผู้ชายอย่างเต็มที่อีกด้วย ดังนั้น จึงไม่ต้องสงสัยเลยที่ผู้ชายบางคนใช้สิทธิเสรีภาพแห่งความเป็นชายเสียจนเกือบไม่เหลือ ความเป็นคน อยู่ในเรือนร่างและจิตใจของเขานะครับ…
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)