นักปราชญ์มีความทุกข์ ความเดือดร้อนอยู่เรื่องเดียว คือ ความไม่มีคุณธรรมวิชชาในตัว ปราชญ์มีความเห็นตรงกันว่า คุณธรรมและวิชชาเป็นอาภรณ์อันประเสริฐสุดอยู่แล้ว จึงไม่ต้องการหาอาภรณ์ภายนอกให้ยุ่งยากใจอีกนะครับผม แล้วอภินันท์เจ้ามีความต้องการอาภรณ์แบบนี้บ้างหรือไม่ หรือว่าต้องการแต่อาภรณ์คือสตรีเท่านั้นหรือ เจ้าไม่อยากเป็นนักปราชญ์กับเขาบ้างหรือครับอภินันท์…
วันพฤหัสบดีที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2552
วันพุธที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2552
แด่คนรู้ใจ
เพราะฉันเองเคยถูกทรยศเรื่องรักมาทำนองเดียวกับท่านนี้ หล่อนเป็นสาวบ้านป่าซึ่งเคยเป็นเรือนใจของข้าพเจ้าในสมัยหนึ่ง ข้าพเจ้าได้รักเธอ ยกย่องเชิดชูเธอ เช่นเดียวกับที่ท่านมีความรู้สึกต่อคนรักเก่าของท่าน ข้าพเจ้าได้ประสบปัญหาเช่นเดียวกับท่าน เราจึงสามารถอนุมานความรู้สึกของท่านได้ว่า เจ็บปวด และขมขื่นเพียงใด เราเป็นคนซื่อ เมื่อรักใครแล้วก็รักอย่างทุ่มเท มิได้เผื่อใจไว้สำหรับความผิดหวังเลย คนซื่อก็มักจะถูกหลอกเพราะมัวนึกว่าคนอื่นจะซื่อเหมือนตัวเรา แต่คนที่ใครๆ หลอกไม่ได้นั้นคือ “คนที่หลอกลวงคนอื่นเสมอ”…
วันอังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2552
สาเหตุแห่งรัก
ความพร่องนั่นเอง ทำให้คนต้องแสวงหาความรักและสิ่งที่รัก ที่คนรักกันนั้นไม่ใช่เพราะมีอารมณ์รัก แต่เพราะเขารู้สึกว่า ถ้าไม่ได้รักดูเหมือนจะขาดอะไรไปสักอย่างหนึ่งในชีวิตตราบใดที่ยังไม่มีที่รัก ตราบนั้นดูเหมือนว่าชีวิตยังไม่มีความสมบูรณ์แท้ ฉะนั้น การที่เรารักจึงมิใช่เพราะความรักอะไรเลย ที่แท้ความรักช่วยให้เรามีความรู้สึกสมบูรณ์ ไม่ขาด ไม่พร่อง ดังนั้น ผู้มีความสมบูรณ์ในตนย่อมไม่ต้องการที่รัก ไม่ต้องการความรักอีกนะครับ แล้วเจ้าละอภินันท์เจ้าเป็นคนสมบูรณ์แบบหรือไม่นะ ข้ามองว่าเจ้ายังไม่สมบูรณ์แบบนะ เพราะเจ้ายังต้องการความรัก และคนรักอยู่นะ…
วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2552
กรรมของใคร
นอกจากนักล่าคนในด้านชีวิต คือ ทำลาย ฆ่าล้างชีวิตแล้ว ยังมีนักล่าจิตใจ ทำลายจิตใจของผู้อื่นก็มีอยู่มิใช่น้อย สร้างรอยแผลรอยซ้ำให้แก่ผู้อื่นจนกลายเป็นความหลังอันไม่มีวันลืมเลือนได้ บางทีเพศชายก็มีความภูมิใจผิดๆ ว่า ถ้าได้ล่าเพศตรงข้ามได้จำนวนมากเท่าใด ก็แสดงถึงความเก่งกล้าสามารถเท่านั้น เขาถือเสมือนว่าเพศหญิงทุกคนเป็นศัตรูของเขา เมื่อผ่านเข้ามาในชีวิตจะต้องทำลายล้างให้หมด แต่บางทีก็เป็นความคิดของเพศหญิงด้วยเหมือนกัน ยิ่งในสังคมปัจจุบันยิ่งมีมากนะครับ ที่การกระทำบางอย่างอันเป็นเหตุก่อความซอกซ้ำและความผิดหวังแก่ชายมากจนเขาไม่อาจคงความเป็นสุภาพบุรุษอยู่ได้อีกต่อไป จึงต้องล้างผลาญทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตด้วย เธอได้ก่อสิ่งอันเป็นอันตรายอย่างยิ่ง แก่มนุษย์เพศเดียวกับเธอไว้ กรรมอันให้ผลแก่มนุษย์เพศเดียวกัน จึงแสดงฤทธิ์ต่อไป จนกว่าบุคคลผู้มีส่วนร่วมในกรรมอันนั้นจะไปกระทบเข้ากับอะไรสักอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุให้เขาหันหลังกลับอีก…
วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2552
เคียงคู่กัน
สามีและภรรยา ควรจะให้ความสุขแก่กันและกันทุกประการ คอยปลอบใจเมื่อเวลาเศร้า ประคับประคองเมื่อเวลารวนเร ให้กำลังใจเมื่อเขาประกอบคุณงามความดี คอยให้สติเมื่อหลงไหลมัวเมา เมื่อยามบรรทมก็มีความละอายดุจชายหญิง เมื่อมองพักตร์ก็เสงี่ยมงาม เมื่อใครโกธรก็รู้จักข่มใจคอยปลอบใจให้หายพิโรธลง ทำตนเป็นประดุจบ้านที่ก่อด้วยอิฐหนา ยามหนาวก็อบอุ่น ยามร้อนก็เย็นสบาย ยามใครยั่วเย้าแสดงความสนิทสนมก็ไม่ล่วงเกินเลยขอบเขต เมื่อมีความทุกข์ก็อดทน ยามสุขก็สงบเสงี่ยม ไม่ปล่อยใจให้หลงไหลมัวเมา สตรีหรือบุรุษที่สมบูรณ์ด้วยลักษณะเช่นนี้ ย่อมควรแก่ผู้มีบุญอย่างแท้จริง และสามารถให้ลูกที่ดีแก่ผู้ที่เป็นสามีและภรรยาอีกด้วยนะครับ ที่สำคัญอภินันท์ก็กำลังหาอยู่นะครับผม ถ้ามีบอกให้ด้วยจะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง…
วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2552
สวยจริงแต่เขาก็วิ่งผ่าน
ความงาม ความสวย ความหล่อ ในร่างกายของผู้ชาย หรือผู้หญิงจะมีค่าอะไร เมื่อใจของพวกเขาปราศจากความมั่นคง ใครเล่าจะพอใจนอนในบ้านซึ่งฉาบทาด้วยสีอันสวยงาม แต่ทว่าภายในบ้าน ทั้งเสา ขื่อ กลอน และเครื่องค้ำจุน อื่นๆ ผุหมดแล้ว ใครเล่าจะชอบใจ พอใจกับดอกไม้ที่มีสีสวย แต่ไร้กลิ่น มันเพียงแต่ล่อตาคนสัญจรไปมาให้อยากเปิดประตูเข้ามาแล้วถอยออก หรือชมดูสวยแล้วก็ไม่ยอมเด็ดไปดมหรือถือติดไม้ติดมือไปด้วยเท่านั้น สตรีที่สวยงาม หรือบุรุษที่หล่อ แต่จิตใจโลเล ไม่มั่นคงนั้น ใครเล่าจะรับไปเลี้ยงจริงๆ ใครเล่าจะพอใจร่วมชีวิตด้วย เขาเพียงแต่ลิ้มลองเล่นแล้วก็ทิ้งขว้างไปเท่านั้นเอง…
น้องหญิงเอ๋ย..วันนี้น้ำใจของเจ้านั้นช่างเหมือนน้ำค้างบนใบพฤกษ์เสียจริงๆ เมื่อยามดึก ดูเหมือนจะรองดื่มได้ แต่พอต้องแสงสุรีย์ส่องสาดเมื่อรุ่งอรุณก็พลันเหือดแห้งหายไป ข้าพเจ้ามารู้น้ำใจของเจ้า เมื่อข้าพเจ้าหัวใจจะขาดรอน เพราะถลำรักลงไปในตัวท่านเสียแล้ว น้องหญิงเอ๋ย..ความรักนั้นข้าพเจ้าพอตัดเสียได้ดอก แต่ความแค้นเพราะท่านหลอกลวงข้าพเจ้าให้หลงรักนี้ชิ จะทำประการใดให้หายแค้นใจได้ ถ้าไม่รักน่าจะแสดงอาการให้รู้ว่าไม่รักเสียแต่ต้น ไม่น่ามาให้ความหวังกันเลยนะ เสียดายที่ยกย่องเจ้านะน้องหญิงเอ๋ย
ดังนั้นจุงกะเอ๋ย..เจ้ารู้จักความเจ็บปวดแล้ว ต่อไปนี้ถ้าเจ้าไม่รักใครแล้วเจ้าจงอย่าให้ความหวังแก่เขาเลยนะ และที่สำคัญเมื่อเจ้ารักใครแล้วเจ้าจงรักเขาคนนั้นตลอดไปจนตราบชั่วนิจนิรันดร์…
น้องหญิงเอ๋ย..วันนี้น้ำใจของเจ้านั้นช่างเหมือนน้ำค้างบนใบพฤกษ์เสียจริงๆ เมื่อยามดึก ดูเหมือนจะรองดื่มได้ แต่พอต้องแสงสุรีย์ส่องสาดเมื่อรุ่งอรุณก็พลันเหือดแห้งหายไป ข้าพเจ้ามารู้น้ำใจของเจ้า เมื่อข้าพเจ้าหัวใจจะขาดรอน เพราะถลำรักลงไปในตัวท่านเสียแล้ว น้องหญิงเอ๋ย..ความรักนั้นข้าพเจ้าพอตัดเสียได้ดอก แต่ความแค้นเพราะท่านหลอกลวงข้าพเจ้าให้หลงรักนี้ชิ จะทำประการใดให้หายแค้นใจได้ ถ้าไม่รักน่าจะแสดงอาการให้รู้ว่าไม่รักเสียแต่ต้น ไม่น่ามาให้ความหวังกันเลยนะ เสียดายที่ยกย่องเจ้านะน้องหญิงเอ๋ย
ดังนั้นจุงกะเอ๋ย..เจ้ารู้จักความเจ็บปวดแล้ว ต่อไปนี้ถ้าเจ้าไม่รักใครแล้วเจ้าจงอย่าให้ความหวังแก่เขาเลยนะ และที่สำคัญเมื่อเจ้ารักใครแล้วเจ้าจงรักเขาคนนั้นตลอดไปจนตราบชั่วนิจนิรันดร์…
วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2552
ใครจะไม่ชอบของแปลก
แน่นอนทีเดียว สตรีย่อมให้ความสนใจแก่สิ่งที่แปลกและใหม่เสมอ เพราะฉะนั้นเพศที่ตื่นสมัยที่สุด ชอบเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย และเครื่องประดับบ่อยที่สุด คือ เพศหญิงนั่นเอง เป็นธรรมชาติ ธรรมดา อย่าไปลงโทษ หรือ เห็นเป็นเรื่องแปลกประหลาดอะไรเลย เพราะความนิยมของใหม่และแปลก เธอจึงมักประดับกายด้วยอาภรณ์ที่สีแปลก รูปทรงแปลกสะดุดตา ชวนมอง อย่าไปวิตกกังวลอะไรเลย นิยมกันเสียพักหนึ่ง เห่อกันไปพักหนึ่งแล้วก็หายไปเองแหละครับ จริงดังคำว่า“มีปกติรักง่ายหน่ายเร็ว ดังผ้าที่ย้อมด้วยขมิ้น” นั่นเองครับ.
วันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2552
เรียนทำไมครับ
วิชาความรู้ที่ศึกษาไปนั้น จงใช้ให้เป็นประโยชน์ให้มากที่สุด วิชาที่ไม่ได้ใช้เหมือนอาหารที่บริโภคแล้วไม่ย่อย มีแต่จะก่อความอึดอัดรำคาญและเป็นพิษ อย่าคอยโอกาสให้คนอื่นใช้เสียก่อนแล้วจึงค่อยใช้วิชา เราจงใช้วิชาเสียก่อน เมื่อผู้อื่นเห็นคุณค่าของวิชาในตัวเราแล้ว เขาก็พลอยเห็นเจ้าของวิชามีคุณค่าไปด้วย คนที่บ่นว่ามีวิชาความรู้แต่ไม่มีโอกาสนั้น คือ คนที่คอยแต่ให้ราชรถมาเกยแล้วจึงค่อยทำอะไรๆ ความจริงในชีวิตเป็นอีกอย่างหนึ่ง คือ คนต้องทำอะไรๆ แสดงความสามารถเสียก่อนแล้ว ราชรถจึงจะมาเกย เพื่อให้เราแสดงความสามารถต่อไปจงเชื่อเถิดว่า คนที่มีความเพียรและมีความสามารถนั้น โอกาสจะเจริญก้าวหน้าย่อมมีอยู่เสมอ ในโลกนี้ล้นหลามไปด้วยคนที่สามารถไม่ถึงงานในหน้าที่ของตน แต่คนที่สามารถเหมาะแก่งานในหน้าที่หรือมีความสามารถเหนืองานในหน้าที่ของตนนั้นมีอยู่น้อย ยังหาได้ยากอยู่ เมื่อเป็นดังนี้ ไฉนเล่าคนจะไม่ต้องการผู้ที่มีความสามารถ ขอให้เจ้ามีความสามารถจริงเถิดอภินันท์เอ๋ย ข้ารับรองเจ้าไม่ตกงานแนะนะครับ…
วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2552
บอกยากจริงๆ
เป็นธรรมดาของสตรีที่เริ่มจะรักใครสักคน เธอมักไม่ค่อยรู้ บอกตัวเองไม่ถูกว่าเธอสนใจอะไรในตัวเขา ทั้งๆ ที่บางทีเขาคนนั้น รูปก็ไม่งามเท่าคนอื่น กิริยา ท่าทางก็ไม่น่าภาคภูมิใจเหมือนคนอื่น แต่เธอก็สนใจและที่สำคัญเธอก็บอกไม่ได้ว่า อะไรทำให้เธอสนใจเขา เป็นห่วงเขา ไม่รู้จริง บอกข้าพเจ้าหน่อยชิครับผม ว่าเป็นเพราะอะไร…
วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2552
ใครแน่กว่าใคร
จงข่มคนที่ควรข่ม ยกย่องคนที่ควรยกย่อง อย่ายกย่องคนที่ควรข่ม หรือข่มคนที่ควรยกย่อง อย่าหลงรักใคร่คนที่ทำความดีเพียงเอาหน้า อย่าเพิกเฉยไม่เห็นคุณค่าของมิตรที่มีความซื่อสัตย์สุจริตต่อตนเองเลยนะครับ และจงเอาชนะคนสูงศักดิ์ด้วยการอ่อนน้อม คนต่ำต้อยด้วยการสงเคราะห์ เอื้อเฟื้อ คนแกล้วกล้าด้วยการให้แตกสามัคคี คนเสมอกันด้วยความพยายามอย่างมากนะครับ…
วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2552
เป็นกำบังช่วยกัน
ผู้ที่ป้องกันตนเองให้รอดพ้นจากความเสื่อม ชื่อว่าช่วยป้องกันคนอื่นด้วย และผู้ที่ป้องกันคนอื่นจากภัยพิบัติ ก็ชื่อว่าได้ป้องกันตนเองพร้อมๆกันไป เหมือนเมื่อไฟไหม้บ้านเรา ถ้าไม่รีบดับไฟเสีย ไฟนั้นจะลุกลามไปไหม้บ้านคนอื่น หรือเมื่อไฟไหม้บ้านคนอื่น ถ้าไม่รีบดับก็จะลุกลามมาไหม้บ้านเราด้วยเช่นกัน ฉะนั้น จงคุ้มครองตนให้ดีนะ ก็เท่ากับเรากำลังคุ้มครองคนอื่นด้วยนะครับอภินันท์…
วันอาทิตย์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2552
คิดดูเหมือนกระโถนจริงเรา
จริงทีเดียว การที่ได้พูดถึงคนอันเป็นที่รักกับใครสักคนหนึ่ง เป็นความชื่นสุขของผู้ที่ตกอยู่ในห้องแห่งความรัก การที่สตรีบางคนยอมตีสนิทกับเพื่อนชายของคนรักแห่งตน จุดประสงค์ก็เพื่อได้พูดถึงคนอันเป็นที่รัก บุรุษก็เช่นเดียวกัน แต่บางคนก็ระแวงจนเกินเหตุ จึงมักเกิดเรื่องเข้าใจผิดกันในเรื่องทำนองนี้อยู่มากบ้าง น้อยบ้าง มนุษย์เราย่อมจะอิ่มเอม เมื่อได้พูดถึงสิ่ง หรือบุคคลที่เขารักและภูมิใจ ฟังไปเถิด–ฟังไปอย่างยิ้มแย้มแจ่มใสเถิดอภินันท์เอ๋ย เจ้าจงนึกเสียว่าทำตนเป็นเครื่องรองรับการระบายความสุขแห่งเขา เป็นการทำความดีแก่ผู้อื่นโดยไม่ต้องลงทุนอะไรมากนัก นอกจากหัดอดทนเสียอย่างเดียว และในความอดทนนั้น ยังได้ทราบเรื่องอะไรดีๆ อีกด้วย เมื่อเขามีทุกข์ก็เช่นกัน มนุษย์เราอยากได้ใครสักคนหนึ่ง ซึ่งยอมรับรู้ในความทุกข์ยากของเขา บางทีเขาไม่ต้องการความช่วยเหลืออะไร เขาต้องการเพียงใครสักคนหนึ่งยอมรับรู้ในความทุกข์ยากลำบากของเขาเท่านั้น ดังนั้น เราจึงมักจะได้ยินใครต่อใครมาเล่า มาระบายความกลุ้มอกกลุ้มใจให้ฟัง แล้วเขาก็จากไปด้วยความรู้สึกที่สบายใจ ตราบใดที่มนุษย์เรายังยอมเป็นทาสแห่งอารมณ์ ยังไม่เป็นนายของตัวเอง ยังเอาชนะตัวเองไม่ได้ ตราบนั้น มนุษย์เราก็ต้องแสวงหาที่พึ่งทางอารมณ์และทางจิตใจจากภายนอกอยู่ร่ำไป สิ่งที่ทำให้บุคคลลำบาก เดือดร้อนอยู่เสมอนั้น มิใช่สิ่งภายนอกหรืออื่นใด อันที่แท้จริง คือ อารมณ์ตัวเอง ซึ่งคอยรบเร้าเง้างอดไปทางใดทางหนึ่งที่เจ้าตัวพยายามเอาชนะ แต่ก็เอาชนะไม่ได้ อารมณ์รัก อารมณ์ชัง อารมณ์โกรธ อารมณ์หลง คลุกเคล้าผสมผสานอยู่ในกระแสธานแห่งชีวิตอันไหลเลื่อนอยู่มิขาดสายนั่นเองนะครับผม…
วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2552
ข้าทำไม่ลง
เมื่อพวกผู้หญิงอยู่ในวัยสาวและวัยสวย พวกเขาย่อมปรารถนาจะหาคู่ครองแต่งงานด้วยนั้น เขาย่อมหวังใจว่า ชายคู่ครองของเขาจะสามารถเป็นหลักประกันชีวิตในยามแก่เฒ่าและยามสิ้นความสวยของเขา ข้าพเจ้าได้รับอาสาเป็นหลักประกันชีวิตในยามแก่เฒ่าและยามสิ้นความสวยของภรรยาของข้าพเจ้าไว้ตั้งแต่เขายังอยู่ในวัยสาวและวัยสวย บัดนี้ถึงเวลาที่ภรรยาของข้าพเจ้าได้เข้าสู่วัยแก่และสิ้นความสวยแล้ว จะให้ข้าพเจ้าทรยศทอดทิ้งเขาไปได้อย่างไรกันเล่าครับผม โอ้ซึ้งจริงๆ นะถ้าผู้ชายคิดแบบนี้ ปัญหาครอบครัวแตกแยก ปัญหาเด็กขาดความอบอุ่นคงจะไม่เกิดขึ้นนะครับ…
วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2552
มันแปลกจริงๆ
มันแปลกจริงๆ ความสัมพันธ์ระหว่างเพศนั้น ความรู้สึกคอยจะหลบหลีกกันอยู่เสมอ เมื่อฝ่ายหนึ่งรัก อีกฝ่ายหนึ่งก็ไม่สมัครใจ เมื่อฝ่ายหนึ่งใฝ่ฝันหา อีกฝ่ายหนึ่งก็มักจะเลี่ยงหนี หรือจะพูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือว่า คนที่เขารักเรา เราก็ไม่ค่อยจะสนใจเขา แต่คนที่เรารักเขา เขาก็ไม่ค่อยให้ความหวังแก่เรา ความรักระหว่างเพศคอยจะหลีกเลี่ยงกันอยู่อย่างนี้ มีน้อยเหลือเกินที่ความรู้สึกจะไปตรงกันเข้า เมื่อใดความรู้สึกไปตรงกันเข้า เมื่อนั้นย่อมหมายถึง การร่วมชีวิต การแต่งงาน การผู้พันธ์ทั้งทางร่างกายและจิตใจ เป็นเครื่องผูกที่ผูกหย่อนๆ แต่แก้ได้ยาก เพราะในความผูกพันธ์นั้น มีความสมัครใจ ความสมยอมอยู่ด้วย เสมือนบุคคลพอใจบริโภคอาหารที่มีรสเผ็ด แม้จะรู้สึกว่าเผ็ด ก็ยังพอใจอยู่ในรสนั่นนั่นแหละครับ แปลกจริงๆ คนเรา…
วันพฤหัสบดีที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2552
อย่าได้ดูถูกคนเลย
คนมีทรัพย์ ก็มักทนงตนเพราะทรัพย์ แล้วดูถูกเหยียดหยามผู้อื่นซึ่งต่ำต้อยยากจนกว่า คนมีวัยสมบูรณ์กำลังเป็นหนุ่มเป็นสาวก็มักหลงในวัยสมบัติแห่งตน คนมีวิชาความรู้ถ้าไม่ควบคุมโดยศีลธรรมและมโนธรรม ก็มักยกตนข่มผู้อื่น ภาคภูมิใจในสถาบันการศึกษาแห่งตนว่าเลิศกว่าสถาบันการศึกษาใดๆ จนบางคน เมาสถาบัน เมาวิชา ลืมตัวทั้งๆ ที่เขามิได้ทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอัน เป็นแก่นสารแก่ใครเลย เขาก็ยังภาคภูมิใจอยู่นั่นเองว่า เขาสำเร็จมาจากสถาบันอันมีเกียรติ แล้วเหยียดหยามผู้อื่น สถาบันอื่นอีกด้วย โอ้…การศึกษาไม่ได้ช่วยคนได้มองข้ามเปือกจนพบแก่นได้เลยหรือครับ…
วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2552
ความรักตัวของชายหญิง
นิสัยผู้ชาย ชอบแต่จะหาความสุขในปัจจุบัน ขอให้ได้กินสบาย เที่ยวสบาย มีทรัพย์ใช้ไปเดือนๆ ปีๆ ก็พอใจแล้ว แม้แต่บุคคลทุกคนจะรักตัว แต่ผู้ชายดูเหมือนจะรักตัวน้อย เมื่อเทียบกับความรักตัวของผู้หญิง การที่สตรีรักยาก ทั้งๆ ที่เธอมองเห็นชัดว่า ชายผู้ที่ตนรักนั้นมีคุณลักษณะทุกอย่างที่เธอควรจะรัก ก็เพราะเธอมีความรักตัวเองอย่างเข้มข้นนั่นเอง กว่าจะคลายความรักตัวลงได้แล้ว ค่อยๆ แบ่งความรักตัวไปรักคนอื่น คือ ชายที่เธอเห็นดีเห็นงามก็ต้องใช้เวลานาน แต่เมื่อได้รัก หรือคลายความรักตัวไปรักชายที่เธอรักแล้ว ก็เป็นการยากอีกนั่นแหละที่ผู้หญิงจะเรียกคืนให้เข้ารูปรอยเดิมได้เหมือนปลาไหลที่ปล่อยไปในเปือกตมแล้ว ก็ย่อมยามที่จะจับกลับคืนได้นะครับ…
วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2552
ส่วนตัวจริงๆ
เหตุผลส่วนตัว แน่นอนทีเดียว ทุกคนล้วนมีเหตุผลส่วนตัวในการกระทำและคำพูด ถ้าเหตุผลส่วนตัวนั้นไปสอดคล้องกับเหตุผลของคนส่วนใหญ่ ก็ได้รับการรับรองจากคนทั่วไปว่า เหตุผลนั้นใช้ได้ ถ้าเหตุผลส่วนตัวนั้นไปขัดเข้ากับมติของมหาชน ก็จะกลายเป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระ คนใจแคบจะไม่ยอมรับรู้เหตุผลส่วนตัวของใครทั้งนั้น เขาจะพยายามคะยั้นคะยอให้คนอื่นบอกเหตุผลในการกระทำ และพฤติกรรมต่างๆ โดยไม่คำนึงสักนิดว่า เหตุผลส่วนตัวบางอย่าง เป็นสิ่งที่เขาพูดบอกออกมาไม่ได้ แต่คนใจกว้างกลัวมีพฤติกรรมที่ตรงกันข้ามนะครับ แล้วคุณละเป็นแบบไหนครับ…
วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2552
อำนาจใด ๆ ในโลกนี้มีมากเท่า
มีอะไรอีกไหมในโลกนี้ที่มีอำนาจยั่วยวนใจให้หลงไหลใฝ่ปอง และเร่งเร้าให้จิตใจระลึกถึงด้วยความกังวลยิ่งไปกว่า “อำนาจแห่งความรัก” ในความรักมีบรรยากาศที่ประหลาดที่สุด บรรยากาศแห่งความรักมีทั้งความอบอุ่น ร้อนเร่าและหนาวเหน็บ มีทั้งความสุขและความเศร้าระคนกัน มีทั้งความดีใจ น้อยใจ และเสียใจ มันเป็นทั้งยาบำรุงและยาพิษ เพราะอะไรข้าพเจ้าจึงกล่าวเช่นนี้
เพราะว่า ความรัก เป็นเครื่องชโลมใจ เชื่อมโยมบุคคลสองคนให้ไปมาหากันโดยไม่เบื่อหน่ายที่ไม่มีอะไรเหมือน ความรักเป็นสะพานทอดให้ดวงใจสองดวงกระโดดโลดเต้นเข้าหากัน เมื่อชักสะพานนี้ออกเสียแล้ว การติดต่อเกี่ยวข้องระหว่างบุคคลก็เป็นเพียงหน้าที่เท่านั้น หรือเพราะผลประโยชน์บางอย่าง แต่เมื่อมีความรัก ผู้ที่ตกอยู่ในห้วงรักนั่นเอง จะยอมเสียสละผลประโยชน์แห่งตนเพื่อคนที่ตนรักได้
เมื่ออยู่ใกล้คนรัก ทำให้ลืม ลืมโลก ลืมชีวิต ลืมความสมหวัง ความผิดหวังในเรื่องอื่นๆ เสียงทั้งสิ้น ซึ่งบางครั้งลืมได้แม้กระทั่วตัวเอง ใครจะเกลียดหรือชังก็ตามเถิด แต่อย่างไรก็ตาม ความรักก็ยังมีอานุภาพ มีอำนาจครองความเป็นใหญ่แต่ผู้เดียวในโลกนี้เป็นเวลานานมาแล้ว กำลังเป็นอยู่ และจะอยู่ต่อไปอีกนานเท่านาน เหลือที่จะคาดหมายเอาได้
อนึ่ง แม้ว่าความรักจะไม่มีตัวตน มองเห็นไม่ได้ แต่มันมีอำนาจบัญชาการ มีสิทธิ์นั่งอยู่บนหัวใจของปุถุชนทั้งหลาย บัญชาการให้ทุกอย่างเท่าที่มนุษย์ยอมมอบอำนาจให้มัน โดยเฉพาะความรักที่มีความใคร่สนับสนุนอยู่เบื้องหลังด้วยแล้ว จะใช้อำนาจอย่างไม่ยำเกรงใครเสียเลย ต่อเมื่อมนุษย์ส่วนใหญ่จะทราบว่าตนควรจะดำเนินชีวิตอย่างไร ควรจะปฏิบัติต่อความรักอย่างไรนั้น ก็ได้ถูกความรักย่ำยีมาเสียจนเกือบจะหาตัวตนไม่พบเสียแล้วก็มีนะครับ ผมว่าถูกหรือเปล่าครับท่านผู้อ่านทั้งหลาย…
เพราะว่า ความรัก เป็นเครื่องชโลมใจ เชื่อมโยมบุคคลสองคนให้ไปมาหากันโดยไม่เบื่อหน่ายที่ไม่มีอะไรเหมือน ความรักเป็นสะพานทอดให้ดวงใจสองดวงกระโดดโลดเต้นเข้าหากัน เมื่อชักสะพานนี้ออกเสียแล้ว การติดต่อเกี่ยวข้องระหว่างบุคคลก็เป็นเพียงหน้าที่เท่านั้น หรือเพราะผลประโยชน์บางอย่าง แต่เมื่อมีความรัก ผู้ที่ตกอยู่ในห้วงรักนั่นเอง จะยอมเสียสละผลประโยชน์แห่งตนเพื่อคนที่ตนรักได้
เมื่ออยู่ใกล้คนรัก ทำให้ลืม ลืมโลก ลืมชีวิต ลืมความสมหวัง ความผิดหวังในเรื่องอื่นๆ เสียงทั้งสิ้น ซึ่งบางครั้งลืมได้แม้กระทั่วตัวเอง ใครจะเกลียดหรือชังก็ตามเถิด แต่อย่างไรก็ตาม ความรักก็ยังมีอานุภาพ มีอำนาจครองความเป็นใหญ่แต่ผู้เดียวในโลกนี้เป็นเวลานานมาแล้ว กำลังเป็นอยู่ และจะอยู่ต่อไปอีกนานเท่านาน เหลือที่จะคาดหมายเอาได้
อนึ่ง แม้ว่าความรักจะไม่มีตัวตน มองเห็นไม่ได้ แต่มันมีอำนาจบัญชาการ มีสิทธิ์นั่งอยู่บนหัวใจของปุถุชนทั้งหลาย บัญชาการให้ทุกอย่างเท่าที่มนุษย์ยอมมอบอำนาจให้มัน โดยเฉพาะความรักที่มีความใคร่สนับสนุนอยู่เบื้องหลังด้วยแล้ว จะใช้อำนาจอย่างไม่ยำเกรงใครเสียเลย ต่อเมื่อมนุษย์ส่วนใหญ่จะทราบว่าตนควรจะดำเนินชีวิตอย่างไร ควรจะปฏิบัติต่อความรักอย่างไรนั้น ก็ได้ถูกความรักย่ำยีมาเสียจนเกือบจะหาตัวตนไม่พบเสียแล้วก็มีนะครับ ผมว่าถูกหรือเปล่าครับท่านผู้อ่านทั้งหลาย…
วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2552
ความหวังของผู้หญิง
อนาคตซึ่งสตรีส่วนใหญ่เป็นห่วง วิตกกังวลพร้อมๆ กันนั้นก็สร้างความหวังขึ้นอย่างบรรเจิดเพริดพราย หวังเพื่อให้อนาคตสดใสและสมบูรณ์จนบางครั้งเลยขอบเขตไป จนกลายเป็นการสร้างวิมานในอากาศก็มี ด้วยคุณลักษณะแห่งการเป็นห่วงอนาคตตรงนี้เอง สตรีจึงมักเป็นคนเก็บออมและสะสมทรัพย์ได้ดีกว่าบุรุษทั้งหลายนะครับ
วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2552
คำสอนแม่
ลูกเอ๋ย…แกเปรียบเสมือนเรือ ถึงแม้จะเป็นเรือลำเล็กๆ ก็ตาม ตอนนี้แกกำลังถูกปล่อยออกจาฝั่ง เพื่อจะแล่นออกไปกลางทะเล แกจะต้องเจอลม เจอพายุ เจอคลื่น เจออุปสรรค และแกคงจะกลัวว่าแกจะไปไม่ถึงฝั่ง แกคงกลัวเรือของแกจะล่มกลางทะเล อย่างไรก็ตาม เรือนั้นเป็นของแก แกเป็นผู้ต่อเรือเอง เป็นผู้ออกแบบเอง ถ้าแกออกแบบดีและต่อเรือดี แกก็จะถึงฝั่งอย่างปลอดภัยเหมือนการออกแบบชีวิต แกเป็นผู้นำชีวิตของแกเองว่าจะให้สดใส หรือขุ่นมัว ต่อให้เป็นเรือใหญ่ หากแล่นไปกลางทะเล เจอลมและคลื่น บางทีมันอาจล่มกลางทะเลได้ ถ้าหากเจ้าของเรือต่อเรือและออกแบบเรือของตัวเองไม่ดีเลย เหมือนชีวิตเจ้า เจ้าต้องเลือกทางเดินเองแล้วในตอนนี้ เพราะเจ้าใหญ่พอตัวแล้วนะลูก แต่ถ้าเมื่อใดเจ้าผิดหวัง เรือเจ้าล่มแม่ก็ยังยินดีให้อภัย และเป็นกำลังใจให้แกเสมอนะ…
วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2552
ใครเล่ารู้ใจข้า
คนทำความชั่วเอง ย่อมเศร้าหมองเอง ใครเล่าจะรู้ข้างในใจของข้าว่า มันทุกข์เพียงใดในเวลานี้ ข้าผ่านผู้คนมามากมาย ไม่เคยกลัวเกรงใคร ไม่เคยยอมแพ้ใคร แต่ข้าพเจ้าไม่เคยเอาชนะใจของข้าพเจ้าได้เลย แม้แต่ครั้งเดียว บางครั้งข้าพเจ้าต้องเป็นฤาษีกินเหี้ยเสมอ (พวกมือถือสาก ปากถือศีล ปากปราศรัย ใจเชือดคอ) แล้วอย่างนี้ จำเป็นด้วยเหรอที่ข้าพเจ้าต้องบอกความทุกข์ภายในใจข้าพเจ้าแก่ใครๆ เสมอ จะสุขจะทุกข์อย่างไรมันก็อยู่ที่ใจมิใช่หรือ…
วันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2552
ยิ่งยากยิ่งต้องใจเย็น
เวลาอ่านหนังสือ โดยเฉพาะหนังสือวิชาการที่ยากๆ นั้น เราต้องอ่านด้วยท่าทีที่เอาจริงเอาจัง มีสมาธิสูง พบปัญหาข้อข้องใจต้องค้นคว้า ต้องถามให้กระจ่างแจ้ง อย่างอ่านผ่าน ๆ แบบเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แล้วคิดว่าตัวเองเจ๋งไปแล้ว เดี๋ยวเถอะจะตกม้าตายในเวลาสอบนะครับตัวเอง…
วันพุธที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2552
โกงเขาเราขาดทุน
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในการเป็นคน คือ “ไม่ซื่อสัตย์” สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดของคนหนุ่มสาว คือ ท่วงทำนองที่ซื่อสัตย์ คำว่า “ซื่อสัตย์” หมายถึง ไม่หลอกลวงตนเองและผู้อื่น การไม่หลอก ลวงคนอื่นนั้นอาจจะง่าย แต่การหลอกตัวเองนี้สิยาก ท่วงทำนองที่ซื่อตรง หมายถึง การลุยงาน ไม่เอารัดเอาเปรียบคนอื่น ใครที่คิดจะเอาเปรียบผู้อื่น ผลสุดท้ายมักจะขาดทุนย่อยยับเสมอ ท่านว่าจริงไหม…
วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2552
ความรู้คู่คุณธรรม
คนมีความรู้ดี ความประพฤติไม่ดี เปรียบเสมือนนกตาดี แต่ปีกหัก คนไม่มีความรู้ดี แต่มีความประพฤติดี เปรียบเสมือนนกตาไม่ดี แต่ปีกดี ส่วนคนมีความประพฤติไม่ดี และความรู้ไม่ดี เปรียบเสมือนนกมีทั้งปีกไม่ดี และตาไม่ดี แต่คนมีความรู้ดี มีความประพฤติดี ย่อมเปรียบเสมือนนกมีปีกดี และมีตาดีด้วย ย่อมบินไปได้ไกล และปลอดภัยดีเช่นกันนะครับ แล้วท่านอยากเป็นนกแบบไหนดีและ…
วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2552
ทำไมต้องดอกนี้
อภินันท์เอ๋ย…ท่านดูบุบผาแถบนั้นงามสะพรั่ง ในสวน ในกระถาง ตามถนนหนทาง แต่มันก็มีวันร่วงโรย เหี่ยวเฉาไป ขอข้าพเจ้าเปรียบผู้หญิงเหมือนดอกบุบผาดอกหนึ่ง จะพบว่า บุบผามีดาษดื่นทั่วแผ่นดิน ใยเล่าเจ้าถึงจะต้องได้ลุ่มหลงดอกนี้เพียงดอกเดียวหนักหนาหนออภินันท์….
วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2552
เอาอะไรกับชีวิต
ชีวิตคล้ายบุบผาร่วง คล้ายใบไม้แห่งเหี่ยว บ้างร่วงหล่น บ้างอับเฉา สุดท้ายไม่เหลืออะไรเลยนอกจากความดีและความชั่วนะครับ…
วันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2552
โลกกว้าง ฟ้าไกล ใจลึก
ถ้าท่านเงยหน้ามองขึ้น ทอดสายตาไปให้ไกลได้เท่าไร ท่านจะพบว่า มีใครๆ อีกเยอะแยะที่ท่านน่าหัวเราะเขา แต่ถ้าท่านก้มหน้าลง จนกระทั่งมองเห็นทรวงอกของตัวท่านเองแล้ว ท่าจะเห็นว่ามีอะไรอีกเยอะแยะที่ท่านจะหัวเราะเยาะตัวท่านเอง…
วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2552
แพ้แล้ว
สตรีที่เสาะแสวงหาบุรุษที่รักนาง นับเป็นสตรีที่ชาญฉลาด แต่สตรีที่ไม่แสวงหาบุรุษทีรักนางหรือแสวงหาบุรุษที่นางรัก นับเป็นคนปวดร้าว เธอไม่คำนึงว่าผู้อื่นใช่รักเธอหรือไม่ กลับบีบบังคับให้ผู้อื่นรักเธอ เธอรู้ไหม บนเส้นทางแห่งความรัก ข้าพเจ้ารับรองว่าเธอเป็นผู้แพ้ตลอดกาลแล้วนะ…
วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2552
ความจริงของชาย
ท่านสุภาพสตรีทั้งหลาย ความรักของชายนั้นดูยากนัก เพราะชายแม้รักน้อย ก็พูดว่ารักมาก แต่เมื่อรักมากจะพูดว่ารักน้อยนั้นไม่เคยมีเลย ผิดกับหญิงมากเลย แม้รักมากก็จะพูดว่ารักน้อย แม้รักน้อยก็จะพูดว่า ไม่รัก ไม่รู้จักเลยเป็นที่สุด นี่คือ สตรีที่มีคุณสมบัติของกุลสตรี และควรแสวงหามาเป็นแม่ของลูกให้ได้นะครับ…
วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2552
ความจริงของสตรี
ท่านรู้ไหมมีสตรีคนใดหรือที่จะโกรธหรือเกลียดชายที่ชมตัวเอง แต่ที่ข้าพเจ้านิ่งไปสักครู่นั้นก็เพราะมานึกขวยเขินในใจว่า คำชมของท่านนั้น เกินความจริงเหลือที่ข้าพเจ้าจะรับได้ จึงอยากจะปล่อยให้คำของท่านผ่านไปพร้อมๆ กับกระแสลมที่พัดผ่านมาเสียก่อนแล้วจึงค่อยสนทนากับท่านต่อนะ ท่านพี่…
วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2552
เหตุแห่งรัก
ความสงสารเป็นทัพหน้าของความรักสำหรับชาย พอๆ กับความละอายเป็นเบื้องต้นแห่งความรักของหญิง และความรักที่เริ่มต้นจากความสงสารนั้น ยากนักที่จะสลัดได้ เหมือนความตายซึ่งเริ่มป่วยเพราะชรา ยากนักที่จะเยียวยาให้กลับฟื้นคืนสู่สภาพเดิมได้นะครับ ข้าพเจ้าต้องการให้ความรักของข้าพเจ้าเกิด และพัฒนาการเช่นนี้แหละครับ
วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
แม่อยู่ไหน
เมื่อยามย่ำสนธยา ท้องฟ้าด้านตะวันตกสีแดงฉาน เธอจะได้ยินเสียงผู้คนเรียกขานดังเจื้อยแจ้ว ลูกเล็กเด็กแดงร้องระงมดังสนั่น หมู่ปักษาปักษีโบยบินสู่รวงรังเป็นหมู่ๆ ส่วนข้าพเจ้าผู้อาภัพ พอคิดถึงตัวเอง ไม่รู้จะเรียกร้องหาใคร มีแต่หนังสือและความเงียบเหงาเป็นเพื่อน เมื่อยามดึกดื่นเสียงฝนตกรินหลั่ง น้ำตาของข้าพเจ้าก็พลอยหลั่งตามด้วย ขณะนี้เองข้าพเจ้าคิดถึงบิดา มารดาเป็นที่สุด ทั้งๆ ที่เกิดมาไม่เคยได้รับความอบอุ่นจากบิดาและมารดาเลย ยังไม่ได้สัมผัสกับความอบอุ่นแห่งความรักระหว่างพ่อ–แม่ –ลูกเลย มารดาไม่เคยเล่าเรื่องในหนหลังให้ข้าพเจ้าทราบเลย ข้าพเจ้าทราบว่า เด็กทุกคนเกิดมาต้องมีพ่อมีแม่ แต่พ่อแม่ข้าพเจ้าอยู่ที่ไหน เป็นอย่างไร ในเวลานี้ ข้าพเจ้าอยากมีพ่อมีแม่ แม้ว่าพ่อแม่จะเป็นคนยากไร้ หรือรูปร่างอัปลักษณ์สักปานใด แต่ขอให้เป็นพ่อแม่ที่ให้ความอบอุ่นแก่ฉันเท่านั้นก็พอแล้ว…
วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
ชีวิตที่ถูกหลอก
ชีวิตเจ้า ซึ่งเป็นชีวิตที่คนทั้งหลายมองเห็นเป็นความงดงาม สวยหรู แต่จะมีใครบ้างเล่าเคยนึกเห็นใจว่า มีความอึดอัดลำบากประการใด ชีวิตเจ้าและชีวิตพระเป็นชีวิตที่น่าสงสารพอๆ กัน คือถูกหลอก ถูกชักใย ถูกเยินยอปอปั้น ถูกมัดให้อยู่ในกรอบแห่งประเพณีรีตรองต่างๆ ที่ข้าราชบริพารและคนทั้งหลายเสกสรรปั้นแต่งขึ้น เมื่อเกิดมาเป็นเจ้า แม้จะมีเลือดมีเนื้อ มีความรู้สึกเหมือนคนทั้งหลาย ก็จะทำอย่างคนทั้งหลายไม่ได้ เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็พินอบพิเทาอ่อนน้อม ยกยอ สรรเสริญ เมื่อลับหน้าเขาก็แสดงอาการอีกอย่างหนึ่งก็มี
คราวนี้หันมามองชีวิตพระ ซึ่งศาสนิกเคารพนพนอบ พูดจายกย่อง ยำเกรงเหมือนหนึ่งว่าชีวิตพระเป็นชีวิตที่ประเสริฐแท้จริง แต่พอลับหลังก็พอกันค่อนขอดนินทา เยาะเย้ย เปรียบเปรย ถากถางด้วยถ้อยคำซึ่งแล้วแต่จะสรรหามาพูด ทำไมหนอ??มนุษย์พวกนี้ จึงนิยมทำตนเป็นคนไหว้หน้าหลังหรอกถึงป่านนี้ แต่ก็ช่างเถอะ!!เรื่องของโลกเป็นอย่างนี้ กระแสโลกเป็นกระแสร้อน ชีวิตนี้ไหลวนอยู่ในกระแสธารสองสาย สายหนึ่งเป็นกระแสน้ำเย็น สายหนึ่งเป็นกระแสน้ำร้อน ใครหมุนตัวเข้าไปในกระแสน้ำร้อนก็ร้อนตัวเอง ใครหมุนตัวเข้าไปในกระแสน้ำเย็นก็เย็นกายเอง กระแสธรรมเป็นกระแสเย็น ดวงใจนี้เป็นที่ไหลผ่านแห่งกระแสทั้งสอง ผู้ใดยอมให้กระแสโลกไหลผ่านดวงใจมาก ผู้นั้นย่อมได้รับความร้อนมาก ผู้ใดยอมให้กระแสธรรมไหลผ่านดวงใจมาก ผู้นั้นก็มีความชุ่มเย็นมากเท่านั้น โปรดคิดและมองในมุมที่จะทำให้ท่านมีความสุข ความเพลิดเพลินนะครับตัวเอง…
คราวนี้หันมามองชีวิตพระ ซึ่งศาสนิกเคารพนพนอบ พูดจายกย่อง ยำเกรงเหมือนหนึ่งว่าชีวิตพระเป็นชีวิตที่ประเสริฐแท้จริง แต่พอลับหลังก็พอกันค่อนขอดนินทา เยาะเย้ย เปรียบเปรย ถากถางด้วยถ้อยคำซึ่งแล้วแต่จะสรรหามาพูด ทำไมหนอ??มนุษย์พวกนี้ จึงนิยมทำตนเป็นคนไหว้หน้าหลังหรอกถึงป่านนี้ แต่ก็ช่างเถอะ!!เรื่องของโลกเป็นอย่างนี้ กระแสโลกเป็นกระแสร้อน ชีวิตนี้ไหลวนอยู่ในกระแสธารสองสาย สายหนึ่งเป็นกระแสน้ำเย็น สายหนึ่งเป็นกระแสน้ำร้อน ใครหมุนตัวเข้าไปในกระแสน้ำร้อนก็ร้อนตัวเอง ใครหมุนตัวเข้าไปในกระแสน้ำเย็นก็เย็นกายเอง กระแสธรรมเป็นกระแสเย็น ดวงใจนี้เป็นที่ไหลผ่านแห่งกระแสทั้งสอง ผู้ใดยอมให้กระแสโลกไหลผ่านดวงใจมาก ผู้นั้นย่อมได้รับความร้อนมาก ผู้ใดยอมให้กระแสธรรมไหลผ่านดวงใจมาก ผู้นั้นก็มีความชุ่มเย็นมากเท่านั้น โปรดคิดและมองในมุมที่จะทำให้ท่านมีความสุข ความเพลิดเพลินนะครับตัวเอง…
วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
อย่าดูหมิ่นคน
คนยากจน มีเลือดเนื้อ มีความรู้สึก มีความกลัวภัย และมีสัญชาตญาณในการสืบพันธ์เช่นเดียวกันกับคนมั่งมี ในเนื้อแท้ของคนไม่มีอะไรแตกต่างกัน จะต่างกันก็เพียงเปลือกนอกเท่านั้น ทำไมคนบางคนจึงมองข้างความจริงเรื่องนี้ไปเสีย แล้วมาตั้งหน้าตั้งตารังเกียจเดียดฉันท์กันว่า นั่นเป็นเจ้าเป็นนาย เป็นไพร่เป็นบ่าวกันทำไมนักหนาหนอ คนจนก็มีหัวใจเหมือนกันแหละนะ อย่าได้ดูถูกคนเลยครับ โปรดคิดถึงวันที่โดนเผามอดไหม้แล้ว ข้าพเจ้าเห็นไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย ยังไงคนจนก็คนคือกันนะครับ โปรดเข้าใจ…
วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
เรียนรู้คู่คุณธรรม
คำว่า “การศึกษาที่สมบูรณ์”นั้น ข้าพเจ้ามิได้หมายถึง การศึกษาสูงเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึง ความรู้และความประพฤติดี ซึ่งต้องควบคู่กันไป คนที่มีความรู้ดี ความรู้สูง แต่ขาดความประพฤติดี ก็เหมือนไม้ที่สูงแต่หาใบมิได้ ไม่ร่มเย็น ให้ความสุขแก่ใครไม่ได้ ส่วนผู้ที่มีความประพฤติดี แต่ขาดความรู้ ย่อมเป็นเหมือนไม้ที่ใบมาก แต่ต้นเล็กเกินไป เตี้ยเกินไป พอคุ้มครองรักษาตัวเองได้ แต่เป็นที่พึ่งอาศัยของคนเดินผ่านมาผ่านไป หรือคนมีความทุกข์ที่เกิดจากความร้อนไม่ได้เช่นเดียวกัน แล้วอย่างนี้เธอจะเป็นคนแบบไหนละ…
วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
อย่าลืมกำพืดเดิมนะ
วันนี้ข้าพเจ้าดูละคนเรื่อง ซือกงเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ พระราชาเห็นซือกงกินมันที่หมกในดินเลยถามว่า เป็นคนใหญ่คนโตแล้วทำไมต้องกินของพวกนี้ด้วย ไม่มีค่า ไม่น่ากิน เป็นของคนจนเขากินกัน และซือกงก็ตอบว่า ที่ฉันกิน เพราะฉันกินเพื่อจะได้ไม่ลืมตัว ว่าฉันเป็นคนจนมาก่อน เวลาจะทำอะไร จะได้ไม่ดูถูกคนจน ดูถูกชาวนา ทำตามความยุติธรรม เคารพสิทธิเสรีภาพของความเป็นมนุษย์ของคนทุกคน บางทีคนจน อาจดูข้างนอกหยาบกร้าน สกปรก แต่ข้างใน ซึ่งคือจิตใจของเขาดูแล้วอาจเป็นคนประเสริฐที่สุด เป็นเหมือนดังแม่พระของลูกๆ ของเขาเอง เหมือนเผือก มัน เผา ดูข้างนอกแล้วสกปรกไม่น่ากิน แต่ถ้าปลอกเปลือกออกแล้ว จะเห็นว่า สีทองเหลืองอร่าง หอม ชวนรับประทานมากนักหนา ฉะนั้นอย่าได้ดูถูกคนเลย อย่าลืมตัวเลยว่า ความสุขที่เราได้อยู่ในปัจจุบันก็เพราะอาศัยชาวบ้าน มีชื่อเสียงโด่งดังได้เพราะพวกเขา ดังนั้นควรจะรู้สึกถึงบุญคุณของพวกเขาบ้างอย่างได้หยิ่งนักนะครับ…
วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
เสียใจจริง ๆ
ข้าพเจ้ายืนมองเธอจากไปอย่างช้าๆ จนสุดสายตา รู้สึกเหมือนใจจะหลุดลอยไปด้วย พร้อมๆ กันนั้นน้ำตาก็ไหลพรากลงอาบแก้ม ใครเล่าจะทราบซึ้งถึงความรู้สึกของข้าพเจ้ายิ่งกว่าตัวข้าพเจ้าเองได้ ตั้งแต่ลืมตาดูโลกมา ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ข้าพเจ้าได้รับรสแห่งการพลัดพรากจากคนอันเป็นที่รัก ดวงใจของข้าพเจ้ายังบอบบางเกินที่จะไปทนต่อการกระแทกกระทั้น แห่งความทุกข์ทรมานอันมักจะมีอยู่เสมอในชีวิตมนุษย์ผู้กระเสือกกระสนอยู่ในทะเลแห่งความหวัง ความต้องการ ความปรารถนาในอารมณ์อันเป็นที่รัก และความเป็นห่วงคนรัก และตนเอง..
วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
การทรมาน คือ การจากกัน
ภาพอันเป็นที่ตั้งแห่งความสะเทือนใจอย่างยิ่ง ก็คือ ภาพหนุ่มสาวที่เพิ่งรักกันใหม่ ๆ แล้วมีเรื่องที่คนรักจะต้องจากไปจากเมือง เพราะความจำเป็น เธอผู้อยู่เบื้องหลังก็คิดไปต่างๆ นาๆ ตามประสาแห่งสตรีซึ่งมักจะคาดเหตุการณ์ไปในทางร้าย จึงเฝ้าวอนสั่งเสียชายอันเป็นที่รักแห่งตนด้วยความอาลัยสุดหักห้าม ส่วนชายเล่าเมื่อใกล้เวลาขบวนรักจะออกก็รู้สึกเหมือนดวงใจของตนจะหล่นอยู่ ณ ที่นั้นนั่นเอง..
วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
ใครน่ารักกว่าใคร
ความรักเป็นสิ่งสูงส่ง สวยงามมีความนิ่มนวล ละเมียดละไมแทรกซึมอยู่อย่างประหลาด การแสดงอะไรออกมาตามความรู้สึกของหัวใจ เป็นความผิดจนถึงต้องได้รับการดูหมิ่นเชียวหรือ ถ้าอย่างนั้นการมีเล่ห์กลมารยา การหลอกลวง ก็เป็นสิ่งที่ควรยกย่อง หรือเชิดชูกระมั่ง หามิได้ ทุกคนชอบความสนิทใจ ความสุจริตใจ เมื่อเธอได้กระทำอะไรลงด้วยความสุจริตใจ และสิ่งนั้นไม่ก่อความเดือดร้อนให้ใคร เธอจะมีความผิดอะไร ดันควรแก่การตำหนิเทียวหรือครับผม…
วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
ใครโง่กว่าใคร
มีบ่อยครั้งเหลือเกินในโลกอันยุ่งเหยิงนี้ ที่สตรีหยิบยื่นหัวใจอันมีค่ายิ่งของเธอเพียงเพื่อแลกกับอารมณ์ของชาย โดยที่เธอไม่รู้ว่านั่นเป็นเพียงอารมณ์ของเขา มิใช่หัวใจหรือความรู้สึกที่แท้จริงอะไรเลย ยิ่งถ้าเธอเคราะห์ร้ายไปสมาคมด้วยชาย ซึ่งมีลิ้นอันราดรดฉาบทาไว้ด้วยน้ำตาลด้วยแล้ว เธอจะลิ้มแต่ความหวานซึ่งกระเซ็นออกมาจากปลายลิ้นของเขามิเว้นแต่ละวัน แต่ทั้งนี้มิได้หมายความว่าชายที่พูดหวานหูนั้น จะปราศจากความจริงใจและความซื่อสัตย์เสียทุกคนไป บางทีเธอก็รู้ว่านั้นเป็นอารมณ์ของเขามิใช่หัวใจเขา แต่เธอก็ยินยอมทั้ง ๆ ที่รู้นั่นเอง อะไรทำให้เธอยินยอม เป็นเรื่องที่เธอตอบไม่ได้ ตอบไม่ได้ว่าเพราะอะไร มีอยู่เหมือนกันมิใช่หรือที่สตรียินยอมมอบกายให้โดยที่ใจไม่ยินยอม สตรีทำได้ในทำนองเดียวกันบางคราวใจเธอก็ยินยอม แต่เธอไม่ยอมมอบกายให้
ความจริงข้อหนึ่งที่พวกผู้ชายมักจะมองข้ามไปเสีย คือสตรีนั้นมีความฉลาดในเล่ห์กลของมนุษย์ และเหลี่ยมคูของผู้ชาย แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าชายเธอมักแกล้งทำเป็นไม่รู้ พวกผู้ชายจึงเข้าใจว่าเธอโง่ ความจริงในเรื่องทำนองผู้ชายโง่กว่าผู้หญิงมากนัก การที่เข้าใจว่าผู้หญิงโง่นั้น ทำให้ผู้ชายรุกล้ำเข้าไปในวงชีวิตของเธออย่างทะนง และห้าวหาญ สตรีส่วนใหญ่มีสายเลือดมด มีธาตุสำลีอยู่มาก ในที่สุดเธอก็ยอม ยอมดื่มน้ำตาล และลอยคว้างเหมือสำลีที่ถูกลมแรงพัด
ความจริงอีกข้อหนึ่งซึ่งสตรีได้ก้าวหน้าไปไกลกว่าชายมาก คือ มีความรู้สึกว่า มีบางสิ่งบางอย่างในโลกนี้ที่ดีกว่า สดสวยกว่าความใคร่ทางร่างกาย ดังนั้นความรักของเธอจึงละเมียดละมัย อ่อนนุ่มและสูงส่งเหนือความใคร่ทางเนื้อหนัง ผิดกับความรักของชายซึ่งมักจะมีแต่ความเร่าร้อนและความปรารถนา มีความต้องการความสุขทางความใคร่ที่ฉาบฉวย ความปรารถนาของเขาเหมือนเด็กที่ต้องการกินข้าวต้มที่ยังร้อน ซึ่งเพิ่งยกลงจากเตาใหม่ ๆ ไม่ค่อยรู้จักรั้งรอเวลาอันเหมาะสม ผู้ชายจึงมักลิ้นพอง เจ็บปวด เพราะเรื่องทำนองนี้อยู่เนือง ๆ และในที่สุดผู้หญิงก็ต้องยอม ยอมเหมือนมารดาที่มีความกรุณา ไม่อาจทนต่อการรบเร้าเง้างอของลูกอีกต่อไป เมื่อเด็กน้อยได้กินข้าวต้มสมอยากแล้ว ก็ทิ้งชามจานไว้ให้เป็นภาระของมารดา แล้วออกวิ่งเล่นกับเพื่อนฝูงอย่างสนุกสนานเพลิดเพลินโดยมิต้องคำนึงว่า มารดาจะต้องรับผิดชอบอะไรบ้างและเหน็ดเหนื่อยเพียงใด
ผู้ชายส่วนใหญ่เป็นเพศที่ค่อนข้างเห็นแก่ตัวในเรื่องนี้ เขากินสบาย นอนสบาย เขามักจะคำนึงถึงและรู้จักแต่ความสุขสำราญแห่งตน ไม่ค่อยนำพาต่อหน้าที่หรือความรับผิดชอบร่วมกัน เขาเกิดมาเป็นชาย เขาภาคภูมิใจในความเป็นชายของเขา นอกจากนี้สิ่งแวดล้อมทั้งทางร่างกาย และสังคมยังเปิดโอกาสให้เขาใช้ความเป็นผู้ชายอย่างเต็มที่อีกด้วย ดังนั้น จึงไม่ต้องสงสัยเลยที่ผู้ชายบางคนใช้สิทธิเสรีภาพแห่งความเป็นชายเสียจนเกือบไม่เหลือ ความเป็นคน อยู่ในเรือนร่างและจิตใจของเขานะครับ…
ความจริงข้อหนึ่งที่พวกผู้ชายมักจะมองข้ามไปเสีย คือสตรีนั้นมีความฉลาดในเล่ห์กลของมนุษย์ และเหลี่ยมคูของผู้ชาย แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าชายเธอมักแกล้งทำเป็นไม่รู้ พวกผู้ชายจึงเข้าใจว่าเธอโง่ ความจริงในเรื่องทำนองผู้ชายโง่กว่าผู้หญิงมากนัก การที่เข้าใจว่าผู้หญิงโง่นั้น ทำให้ผู้ชายรุกล้ำเข้าไปในวงชีวิตของเธออย่างทะนง และห้าวหาญ สตรีส่วนใหญ่มีสายเลือดมด มีธาตุสำลีอยู่มาก ในที่สุดเธอก็ยอม ยอมดื่มน้ำตาล และลอยคว้างเหมือสำลีที่ถูกลมแรงพัด
ความจริงอีกข้อหนึ่งซึ่งสตรีได้ก้าวหน้าไปไกลกว่าชายมาก คือ มีความรู้สึกว่า มีบางสิ่งบางอย่างในโลกนี้ที่ดีกว่า สดสวยกว่าความใคร่ทางร่างกาย ดังนั้นความรักของเธอจึงละเมียดละมัย อ่อนนุ่มและสูงส่งเหนือความใคร่ทางเนื้อหนัง ผิดกับความรักของชายซึ่งมักจะมีแต่ความเร่าร้อนและความปรารถนา มีความต้องการความสุขทางความใคร่ที่ฉาบฉวย ความปรารถนาของเขาเหมือนเด็กที่ต้องการกินข้าวต้มที่ยังร้อน ซึ่งเพิ่งยกลงจากเตาใหม่ ๆ ไม่ค่อยรู้จักรั้งรอเวลาอันเหมาะสม ผู้ชายจึงมักลิ้นพอง เจ็บปวด เพราะเรื่องทำนองนี้อยู่เนือง ๆ และในที่สุดผู้หญิงก็ต้องยอม ยอมเหมือนมารดาที่มีความกรุณา ไม่อาจทนต่อการรบเร้าเง้างอของลูกอีกต่อไป เมื่อเด็กน้อยได้กินข้าวต้มสมอยากแล้ว ก็ทิ้งชามจานไว้ให้เป็นภาระของมารดา แล้วออกวิ่งเล่นกับเพื่อนฝูงอย่างสนุกสนานเพลิดเพลินโดยมิต้องคำนึงว่า มารดาจะต้องรับผิดชอบอะไรบ้างและเหน็ดเหนื่อยเพียงใด
ผู้ชายส่วนใหญ่เป็นเพศที่ค่อนข้างเห็นแก่ตัวในเรื่องนี้ เขากินสบาย นอนสบาย เขามักจะคำนึงถึงและรู้จักแต่ความสุขสำราญแห่งตน ไม่ค่อยนำพาต่อหน้าที่หรือความรับผิดชอบร่วมกัน เขาเกิดมาเป็นชาย เขาภาคภูมิใจในความเป็นชายของเขา นอกจากนี้สิ่งแวดล้อมทั้งทางร่างกาย และสังคมยังเปิดโอกาสให้เขาใช้ความเป็นผู้ชายอย่างเต็มที่อีกด้วย ดังนั้น จึงไม่ต้องสงสัยเลยที่ผู้ชายบางคนใช้สิทธิเสรีภาพแห่งความเป็นชายเสียจนเกือบไม่เหลือ ความเป็นคน อยู่ในเรือนร่างและจิตใจของเขานะครับ…
วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
ค่าของสตรี
วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
โปรดแยกแยะ…
วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
สื่อด้วยใจ
วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
ครูสอนรัก
.jpg)
วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
สตรี คือ ศัตรู จริงหรือ
ถึงแม้ข้าพเจ้ามีรัก แต่ข้าพเจ้ารู้จักรัก รู้จักเรียน จริงอยู่สตรีอาจจะเป็นศัตรูของการศึกษาได้ ถ้าชายหนุ่มหมกมุ่นมากเกินไป แต่ถ้าถือเอาคุณเป็นกำลังใจให้บากบั่นได้ พยายามก้าวไปข้างหน้า อาจจะได้แรงบวกเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเพื่อตัวเราเอง และอีกส่วนหนึ่งเพื่อคนที่ข้าพเจ้ารัก ความรู้สึกดังกล่าวก็เป็นประโยชน์แก่ชีวิต การงานและการศึกษาอยู่มิใช่น้อย คุณว่าจริงหรือเปล่า?…
วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
ใครผิด ใครถูก
วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
แค่นี้ก็พอแล้ว
วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
จริงหรือ?
อำนาจเป็นใหญ่ในโลก..ถูกแล้วอำนาจเป็นใหญ่ในโลกผู้มีอำนาจย่อมพูดเสียงดังได้เสมอ เมื่อผู้มีอำนาจพูดผู้ด้อยอำนาจก็ต้องฟังจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ต้องฟังผู้มีอำนาจเมื่อไม่ใช้อำนาจแล้วเขาจะใช้อะไร บางคนใช้เงินเป็นอำนาจกดขี่ข่มเหงผู้มีเงินน้อย ซึ่งยอมตนเข้ามาพึ่งพาบารมี มนุษย์ประเภทนี้กระหึ่มครึมคราง
เสมอว่า "ฉันใช้เงินของฉัน ฉันไม่ได้ใช้คน” เขาจึงใช้คนอย่างไร้ความปราณีเพราะมั่นใจอยู่ว่าเขามิได้ใช้คนซึ่งมีเลือดเนื้อและชีวิตจิตใจ แต่เขาใช้เงินต่างหากเล่าส่วนสตรีมีความงามเป็นอำนาจบังคับขู่เข็ญให้มนุษย์ผู้ชายคอยสยบลงแทบเท้าของเธอเองเศรษฐีมีเงินเป็นอำนาจ ข้าราชการมีตำแหน่งเป็นอำนาจแต่อย่างไรก็ตาม ข้อแตกต่างมีอยู่ว่าใครจะใช้อำนาจได้ถูกต้องหรือใช้โดยไม่ถูกต้องเท่านั้นเองและสิ่งเหล่านี้ก็จะกลับมาหาเขาเหมือนเดิม มาทำลายหรือส่งเสริมอำนาจของเขาให้ดีขึ้น หรือสูญสิ้นไปก็ขึ้นอยู่กับตัวเขาเท่านั้น

วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
ใครเล่าจะมาจริงใจเท่าตัวเราเอง
วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
สุขแบบทรมาน
วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
ไม่เห็นโลกศพไม่หลั่งน้ำตา
วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
คุณสมบัติ
วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
ต้องเป็นเองถึงจะเข้าใจ
วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
ยุคประหยัด
วันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
ต่างคนต่างเหตุผล

วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
สิ้นสุดกันที…

วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
อำนาจอะไร

เพราะอำนาจอะไร ? ที่ทำให้มารดาเคยหลั่งน้ำตาที่ระคนด้วยปีติสุข…..
เพราะอำนาจอะไร ? ที่ทำให้บิดายอมทิ้งขวดสุรา เลิกสูบบุหรี่ และกิริยาที่เสเพลต่าง….
เพราะอำนาจอะไร ? ที่ทำให้บุตรธิดามีธูปเทียน ดอกไม้ ในมือแล้วพลางคุกเข่าลงเบื้องหน้าบุพพการีทั้งหลาย….
เพราะอำนาจอะไร ? ที่ทำให้มิตรสหาย ซึ่งเรียกว่า “เพื่อนตาย” ยอมพลีชีพเพื่อเพื่อนของเขา….
เพราะอำนาจอะไร ? ที่ทำให้ชายผู้เพียบพร้อมด้วยเกียรติยศ ไม่เคยเกรงกลัวคำสั่งใคร แม้แต่อาญาสวรรค์ ผู้เพียบพร้อมด้วยลักษณะแห่งบุรุษผู้องอาจ ห้าวหาญ จึงยอมคุกเข่าเบื้องหน้าสตรีผู้อุดมด้วยนานาคุณลักษณะ….
เพราะอำนาจอะไร ? ที่ทำให้สตรีที่เคยผยองในศักดิ์ศรีของความเป็นลูกผู้หญิง ยากใครจะเอื้อมถึง ยอมทอดกายให้ชายคนหนึ่งเป็นเจ้าของตัวเองทั้งกายและใจ..
ถ้าไม่ใช่เพราะอำนาจแห่ง “ความดี” ของผู้คนเหล่านั้น ดังนั้น ท่านยังจะว่า “ทำดีไม่ได้ดีอีกอยู่ดอกหรือ” ครับผม…
วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
ใครกันหนอ
วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
ประโยชน์ของใคร…

วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
มองต่างมุม ในมุมที่ต่างกัน
วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
เครื่องประดับ

วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2552
หลีกให้ห่างที่สุด
จุงกะเอ๋ย.... ในชีวิตนี้ ท่านจงพยายามหลีกเลี่ยงคนบ้ายศ มุ่งแต่จะสร้างความเป็นใหญ่ให้แก่ตนเอง โดยไม่คำนึงถึงศีลธรรม มนุษยธรรมของส่วนรวม หรือความเจ็บซ้ำของคนอื่น เพราะมนุษย์พวกนี้จะไม่เป็นมิตรที่จริงใจกับใครเลย ไม่มีความสุจริ
ตใจในการคบค้าสมาคม ใครจะทำประโยชน์ให้มาสักเท่าไร แต่พอหมดกำลังที่จะทำประโยชน์ให้เพราะเหตุใดเหตุหนึ่ง หรือไม่มีประโยชน์อะไรแก่เขาอีกต่อไปแล้ว มนุษย์หรือคนพวกนี้ก็ทำลายได้ด้วยหน้าตาเฉย ดังนั้น ถ้าไม่พบ ไม่เจอจะเป็นการดี หรือจำเป็นต้องพบ ต้องเจอ ก็อย่าพึ่งพูดด้วย แต่ถ้าจำเป็นต้องพูดด้วยก็จงตั้งสติให้ดีนะ

วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2552
ท่านประหยัดหรือยัง
“อาหารที่ดีที่สุด เป็นประโยชน์แก่ร่างกายที่สุด และให้กำลังวังชามากที่สุดนั้น คือ น้ำล้างชาม” ชาวญี่ปุ่นรับประทานอาหารแบบญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นคนยากจนหรือเศรษฐี พอกินข้าวหมดชาม
แล้ว เขาเอาน้ำเทลงไปในชาม กรอกน้ำล้างชามข้าว และก็ดื่มเข้าไป ไม่ทิ้งข้าวแม้แต่เม็ดเดียว หรือทิ้งอาหารอันใดแม้แต่เล็กน้อย ชาวฝรั่งเศสซึ่งโดยมากมีนิสัยประหยัด เขาสอนกันว่า “อาหารที่ดีที่สุด คือ เมื่อกินอะไรหมดแล้ว ก็เอาเศษขนมปังเช็ดจานรับประทาน” ผู้ที่เคยเป็นนักเรียนในประเทศฝรั่งเศส และถูกส่งไปตามบ้าน ตามครอบครัว จะถูกสอนให้ทำอย่างนี้ ซึ่งเป็นการประหยัดที่ไม่ยอมให้เสียเปล่า แม้แต่เศษขนมปัง หรือน้ำอาหารที่ติดจาน เป็นการประหยัดขนมปังและอาหาร ประหยัดตลอดไปถึงน้ำล้างจาน เพราะช่วยให้ล้างง่ายมากอีกด้วย นอกจากนี้ คนชาวบ้านของญี่ปุ่นจะไม่ทุบไข่อย่างที่เราทุบกัน ถ้าเป็นไข่ดิบ ก็ทุบให้แตกเพียงเล็กน้อยที่ตรงหัวมุม ค่อยๆ เทเอาไข่ออก แล้วส่งเปลือกไข่ซึ่งอยู่ในสภาพดีไปขายยังโรงงานทำตุ๊กตา แต่ถ้าเป็นไข่ต้ม ไม่สามารถทำได้เหมือนไข่ดิบ ก็พยายามที่จะรักษาเปลือกไข่ไว้ทำเครื่องรัก คือ มีวีลงรักและเอาเปลือกไข่เรียงข้างหน้าเป็นลายสาย ทำให้เป็นสิ้นค้าที่มีคุณค่าอีกเป็นอย่างมาก แม้แต่เปลือกไข่ก็ไม่เสียเปล่านะท่าน แล้วท่านละในยุคข้าวยากหมากแพง ท่านประหยัดหรือยัง?

วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2552
ทำไมต้องเป็นกำลังใจ

วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2552
อย่าดูถูกคน
การที่คนอื่นเขามีการศึกษาน้อยกว่า อาจเป็นเพราะเขามีโอกาสน้อยกว่า แต่มันสมอง และความเฉลียวฉลาดเขาอาจไม่ด้อยกว่าเราเลข คนที่มียศน้อยกว่าเรา อาจเป็นเพราะเขาเข้าทำงานที่หลังเรา หากเริ่ม
ต้นพร้อมๆ กัน เขาอาจก้าวหน้ากว่าเราก็เป็นได้ คนที่มีตำแหน่งฐานะน้อยกว่าเรา อาจเป็นเพราะงานสาขาที่เขาทำ ที่เขาชำนาญมีเพียงแค่นั้นก็ได้ คนที่ยากจนกว่าเรา เขาอาจมีความดี และความพยายามเหนือเรา แต่เพียงด้วยเขาทำงานทีหลัง หรือเขาไม่มีมรดกจากบรรพบุรุษเลยก็เป็นได้ คนที่ขี้เหน่กว่าเรา อาจมีคุณสมบัติอื่นๆ เหนือเราก็ได้ ในหลายๆ อย่าง ประการสุดท้ายคนที่มีตระกูลต่ำกว่าเรา เป็นเพียงพ่อแม่เขาไม่ได้เป็นเจ้านายมาก่อนเท่านั้น ที่สำคัญคัญกว่านั้น คือจิตใจเขาอาจสูงกว่าเราเป็นอย่างมาก ฉะนั้น ผู้ดีย่อมไม่ดูหมิ่นผู้อื่น แต่มีความเห็นใจพวกเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เพราะรู้ความจริงว่า ไม่มีใครเก่งกว่าใครในสายงานของตน ตามทางของตน รัฐมนตรีเก่งอย่างรัฐมนตรี จะเอาไปไถนา กวาดถนน คงทำไม่ได้ดีเท่าชาวนา และคนกวาดถนน ในทางตรงกันข้าม จะเอาคนกวาดถนน และชาวนาไปทำหน้าที่รัฐมนตรี เขาก็คงทำไม่ได้ดีเท่ารัฐมนตรีแน่นอน ดังนั้น ท่านทั้งหลายอย่าได้ดูถูกคนเลยนะ

วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2552
ความภูมิใจของข้าพเจ้า
ท่านเอ๋ย…ในชีวิตนี้ของข้าพเจ้าไม่มีอะไรภูมิใจเท่าการได้เห็นคนอื่นยิ้มเพราะเราทำให้เขายิ้ม เพราะเขาดึงชีวิตกลับคืนมาได้ ชีวิตเป็นสิ่ง
ที่หาได้ยากที่สุด มีอันเดียว เมื่อหลุดลอยไปแล้วเป็นอันหมดโอกาสที่จะเรียกคืนได้นะ…จะเห็นได้ว่า ความภูมิใจของข้าพเจ้าคือ การให้ ไม่ว่าจะเป็นการพูดคำไพเราะ ฟังเสนาะหู การมองดูด้วยสายสาตาอันมีเมตตา และการประพฤติปฏิบัติตามแนวทางของผู้ให้นั่นเอง…

วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2552
บทเรียนชีวิต
ชีวิตนั้นเป็นเรื่องที่รู้ยาก เข้าใจยากที่สุด ไม่มีวิทยาการใด ๆ ในโลกนี้ จะเรียนยาก เข้าใจยากเท่ากับวิทยาการอันเกี่ยวกับชีวิต เรื่องของชีวิตมีเรื่องแปลก ๆ ใหม่ ๆ มาให้ศึกษาอยู่เสมอ
และมีกฎข้อยกเว้นบ่อยที่สุดและมากที่สุดด้วย เราอาจทุ่มเวลาศึกษาวิชาแขนงใด แขนงหนึ่งให้จบสิ้นในระยะเวลา ๒๐ ปี ๓๐ ปี เรียกได้ว่าพอรู้จริงในวิชานั้น แต่ชีวิตเป็นเรื่องที่เรียนไม่ได้ ทุกคนที่เกิดมาต้องจบชีวิตเสมอ ยิ่งเรียนชีวิตแบบวิทยาการทางโลกด้วยแล้ว จะไม่มีทางเข้าใจชีวิตได้ถูกต้องเลยนะ อย่างนั้นต้องเรียนแบบทางธรรมครับผม…

วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2552
วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2552
รักมีแต่ความทุกข์จริงหรือ
ถึงอย่างไร ข้าพเจ้าก็คิดว่า ความรักก็ต้องมีคุณอยู่ด้
วยแหละ ข้าพเจ้ามองไม่เห็นเลยว่ามันจะมีโทษโดยส่วนเดียว ท่านทั้งหลาย…เคยกินปลาไหมหนอ ในปลานั้นมีก้างอยู่ ยิ่งปลาใหญ่ก้างก็ต้องใหญ่ขึ้นตามตัว ถ้าใครกินปลาแล้วก้างเข้าไปติดคอ กลับมาร้องโวยวายว่า ปลาไม่มีประโยชน์เลย กินแล้วเจ็บคอ จะกลืนน้ำลายก็ลำบาก คนนั้นข้าพเจ้าถามท่านที่อ่านหน่อยว่า “เป็นคนโง่หรือคนฉลาดนะครับ ?” บอกข้าพเจ้าทีนะ…. คนที่มองความรักมีแต่โทษก็คงไม่แตกต่างกันหรอกครับ…

วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2552
ก็คนมันชอบ

วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2552
เมาเหล้าหรือจะเท่าเมารัก
วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2552
สันดานผู้ชาย
วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2552
ไม่รู้จักหน้าที่
วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2552
ค่าของการสนทนา
วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2552
วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2552
เศร้าสุดในชีวิตฉัน
วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2552
วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2552
ความฝันของหญิงสาว
วันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2552
วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2552
การเลือกคบเพื่อน
วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2552
วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2552
รักแบบไหน
วันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2552
โลกมันกลม
วันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2552
สุดยอดความสุข
วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2552
ของดีใครก็ชอบ
.jpg)
วันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2552
คนจะทำดี
.jpg)
วันอังคารที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2552
วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2552
รักที่ไม่เคยหมด
วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2552
วันเสาร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2552
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)