วันพุธที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2555

การเป็นแม่ทัพ

๑. ต้องเลือกคนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ๒. ต้องเรียนรู้การจัดกำลังทัพ ๓. ต้องรู้การบัญชาการรบ บุคลิก อุปนิสัย การกระทำ และความสามารถพิเศษของผู้ใต้บังคับบัญชา และที่สำคัญ ๔. ต้องสามารถโยกย้ายแม่ทัพนายกองใช้คนอย่างถูกต้องตามสภาวะที่แตกต่างกันได้ มิเช่นนั้น เดี๋ยวจะเป็นการ ให้คนเก่งการโจมตีไปตั้งรับ ให้คนเก่งทางการใช้กลอุบายไปสู้ตาย ให้คนหยาบกระด้างไปรบกับคนมีสติปัญญา ผลที่จะเกิดขึ้น..คือ...เสียทั้งนายทหารและพลทหาร...ฮิๆๆ

วันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

กีฬาที่ไม่มีทางชนะได้เสมอ....

ความรักเป็นกีฬาชนิดหนึ่ง ซึ่งเมื่อบุคคลใดเล่นเข้าแล้ว ก็ต้องประสบภาวะใดภาวะหนึ่งเสมอ นั่นคือ ไม่แพ้ก็ชนะ แต่การแพ้พ่ายรักมีผลกระทบกระเทือนและฝังใจมากกว่าการแพ้กีฬาชนิดอื่น บางคนจะระบมหม่นไหม้ไปตลอดชีวิต บางคนใช้เวลารักษาแผลใจอยู่เป็นเวลานานปี และที่สำคัญไม่มีเพื่อนร่วมแพ้ด้วย กีฬารักเป็นการลงสนามกับคู่ต่อสู้เพียงตัวต่อตัว ซึ่งตามจริงยุติธรรมมาก คนที่กล้าเล่นกับความรักจึงต้องกล้าได้กล้าเสีย กล้าเผชิญความจริง แม้ทุกคนต้องการชัยชนะและความสมหวังในรัก ความรักก็ให้ความสมหวังแก่คนได้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น บางคนชนะในเบื้องต้น แต่ก็พ่ายในเบื้องปลาย นั่นคือได้แต่งงานสมหวัง แต่ชีวิตการแต่งงานเต็มไปด้วยอุปสรรคนานับประการ ไม่อาจให้ราบรื่นสงบเรียบร้อยได้ แล้วท่านละชนะหรือแพ้ในกีฬาชนิดนี้.....

วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

นี่แหละรักแท้...ตอบน้ำชาได้แล้ว...

ความเข้าใจกัน ทำให้คนเห็นอกเห็นใจกัน ความเห็นอกเห็นใจกัน ทำให้คนรักกัน ความรักที่มีพื้นฐานจากความเห็นอกเห็นใจนั้น เป็นความรักที่นุ่มนวลและมั่นคง เสมอเหมือนเส้นไหม ที่ควั่นเป็นเกลียวแล้ว ยากนักที่จะดึงให้ขาดได้..ถูกต้องไหม..???

วันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

อันเพื่อนดีมีน้อย แต่ก็พอใจ

แม้ข้าพเจ้าจะมีมิตรน้อย แต่ข้าพเจ้าก็ได้มิตรแท้ เป็นมิตรที่น่าภาคภูมิใจ ข้าพเจ้าทราบดีว่า ถ้าเราต้องการมิตรแท้นั้น เราต้องเป็นมิตรแท้กับคนอื่น แสดงความซื่อสัตย์สุจริต ขยายความลับของตนแก่เพื่อน ปกปิดความลับของเพื่อนมิให้แพร่งพราย ทั้งสองนี้ต้องปฏิบัติไปพร้อมๆ กันนะขอรับ.....

วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ควรหาไว้ครอบครองนะตัวเอง

ผู้ชายที่ดีนั้น เขาจะไม่ยอมกล่าวข้อความใดๆ อันจะนำความเสื่อมเสียมาสู่สตรีที่เขาสมาคมด้วย ผู้ชายที่ดีย่อมรักษาเกียรติของสุภาพสตรีที่ตนเกี่ยวข้องด้วยชีวิต ข้าพเจ้าหมายถึง เขาจะไม่ยอมกล่าวข้อความอันใดอันจะพาดพึงถึงสตรีที่เกี่ยวข้องในทางเสื่อมเสีย หรือเอาตัวรอดเพียงผู้เดียวแล้วป้ายสีความไม่ดีให้สุภาพสตรีเป็นผู้รับไปนะ...รีบหาไว้คนแบบนี้ เหมาะที่จะเป็นพ่อของลูก ฮิๆๆๆ

วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เข็นครกขึ้นภูเขา..แต่นี้เข็นภูเขาลงครกนะ..

น้องหญิงเอ๋ย...อันว่าแม่น้ำเจ้าพระยานี้ไหลจากทิศเหนือสู่เบื้องต่ำ หรือจากทิศเหนือลงสู่ทิศใต้มาเป็นเวลานานแล้ว เป็นการยากเหลือเกินที่จะให้สายน้ำแห่งเจ้าพระยานี้ไหลกลับสู่ทิศเหนือได้ฉันได ความรักของฉันที่ดิ่งลงในตัวเจ้าในลักษณะแห่งหนุ่มสาวมานานพอควรแล้ว ก็เป็นฉันนั้น เป็นการยากลำบากอย่างล้นเหลือที่จะแปรให้กลายสภาพเป็นความรักอย่างน้อง ความรักของเราแปรจากมิตรภาพเป็นความรักอย่างเสน่หามาครั้งหนึ่งแล้ว ยิ่งต้องมาแปรจากเสน่หาเป็นความรักอย่างน้องร่วมสายโลหิต ร่วมอุทรอีก เธอจะเป็นว่ามันเป็นการอันหนักและเหน็ดเหนื่อยเพียงใด..ฉันทำไม่ได้หรอกนะ...

วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เส้นผมบังภูเขา...ฮ่า..

"ความหวัง" ถูกแล้วคนหนุ่มสาวส่วนมากมีชีวิตอยู่ด้วยความหวัง และเขามักจะสร้างความหวังไว้สวยหรูเกินไปเสมอ เมื่อความหวังที่เขาทำหรือสร้างไว้มิได้เป็นดั่งหวัง เขาก็ซบเซาเศร้าโศก มองชีวิตเป็นของไร้ค่า ไม่ควรแก่การถนอม ชีวิตซึ่งมารดา-บิดาผู้บังเกิดเกล้าเฝ้าถนอมกล่อมเลี้ยงมาตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ทั้งรัก ทั้งหวงแหน ทั้งชื่นชมยินดี แต่เด็กหนุ่มสาวส่วนมากมิค่อยได้คิดถึงความจริงในเรื่องนี้ กลับพอใจจะมอบชีวิตตนให้อยู่ในมือของคนอื่น (คนรัก/แฟน) ยินดีให้เขาผูกมัด ฟัดเหวี่ยงไปตามใจปรารถนา ซึ่งสตรีนั้นบางทีเขาก็ไม่ทราบว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ทำความดีแก่ตนเพียงเล็กน้อย ยิ้มให้ด้วยความชื่นบาน พูดหวานนิดหน่อย ก็จะมอบชีวิตให้แล้วนะ..แต่ทำไงได้โลกนี้เป็นอย่างนี้มานานแล้ว คนหนุ่มสาวมีชีวิตอยู่เบื้องหน้า คนชรามีชีวิตอยู่เพื่อเบื้องหลัง เพราะท่านชอบเล่าเรื่องในอดีตให้ลูกหลานฟังเสมอนะ...

วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ยิ่งคับขันยิ่งต้องใจเย็น

เพียงแต่สงสัยเท่านั้น ก็ควรจะเก็บความสงสัยไว้ก่อน หาข้อมูล ข้อเท็จจริงก่อน เพราะการปล่อยคนผิดนะ ดีกว่าการลงโทษคนถูกนะครับผม...

วันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ขอเพียงแค่นี้..พอไหม?

ขอให้น้องเป็นแหล่งพักแห่งดวงใจของพี่ อย่าให้จิตใจของพี่ระหกระเหินเกินไป เมื่อดวงใจของพี่บอบซ้ำ ขอให้น้อยเป็นที่ฟูมฟักรักษา เมื่อใดดวงใจของพี่หม่นหมองขอให้น้องเป็นผู้ขัดเกลา เมื่อใดดวงใจของพี่ระบมบ่มหนอง ขอให้น้องเป็นผู้แคะได้เอาหนองนั้นออก..น้องรัก...ขอให้น้องจำไว้เถิดว่า ในชีวิตนี้พี่จะมีน้องเพียงผู้เดียวไว้ในดวงใจ พี่ขอมอบดวงใจดวงนี้ไว้ในความคุ้มครองของน้อง ซึ่งพี่รักสุดที่จะหักห้าม สุดที่จะคืนคลายและถ่ายถอนได้..โอ้นำตาจะไหล...ซึ้งหรือน้ำเน่าเนี่ยเรา...

วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ท่านทำได้หรือ....

ผมดูข่าวดาราหลายคู่ที่รักกัน แล้วเลิกกันบอกไม่มีอะไรกันยังรักกันปกติ ยังเป็นมิตรต่อกัน ในมุมมองของผมว่าการแปรความรักจากสภาพอย่างหนุ่มสาวมาเป็นมิตรภาพนั้น เป็นเรื่องที่ลำบาก ทำได้ยาก คนใจสูงจริงๆ เท่านั้นที่จะทำได้ ส่วนการแปรสภาพจากมิตรภาพมาเป็นคนรักนั้น ทำได้ง่าย และมีตัวอย่างให้เราเห็นได้อยู่เสมอ..อย่างนี้พอจะเดาได้ว่าอะไรคือความจริงนะครับผม...และคุณละทำได้เปล่า....

วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

อย่าดูหมิ่นของเล็กน้อย...

คนเรามักจะไม่ค่อยระวังเรื่องการใช้จ่ายเล็กๆ น้อยๆ ปล่อยให้รั่วไหลออกไปเรื่อยๆ เขาลืมนึกไปว่า รูรั่วนิดเดียวก็ทำให้เรือจมน้ำได้ คนที่จะสร้างอนาคตควรจะประหยัดและอดออม แม้จะเก็บทีละเล็กทีละน้อยก็ยังดีกว่าไม่เก็บเสียเลย ดูแต่น้ำชิมันหยดที่ละหยดๆ ก็ยังเต็มตุ่มได้ คนส่วนมากมักจะคิดว่าเก็บทำไมทีละน้อย สักกี่ปีมันจึงจะเป็นเงินเป็นทองก้อนใหญ่ เหนื่อยแรงเปล่า สู้เอามาใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ให้ความสุขความเพลิดเพลินเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้ ถ้าคนเราคิดตรงกันข้ามก็จะเห็นว่า ทีละเล็กละน้อยมันมีความสำคัญเพียงใด ท่านลองไปกู้หนี้ยืมสินเขามาทีละน้อยๆ ดูแล้วกัน จะเห็นความสำคัญของเรื่องที่ผมกล่าวอย่างชัดเจนนะครับผม....

วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ทำไมคนจึงมีกิ๊กหรือชู้กัน

สตรีที่ถูกบังคับให้แต่งงาน แล้วอยู่ไปๆ ก็มีเรื่องรักกับชายอื่น ซึ่งไม่ใช่สามีของตัวเองอยู่บ้างมิใช่หรือ? ผู้ชายก็เหมือนกัน นี่คือสาเหตุที่แต่งงานโดยไม่มีความรัก ก็จะต้องไปหาหญิงอื่นซึ่งตัวรัก แต่มิใช่ภรรยา เรื่องกิ๊กหรือชู้ก็จะเกิดขึ้น ความรักเป็นเรื่องสำคัญมากอย่างหนึ่งที่จะช่วยให้ความราบรื่นในครอบครัว แต่อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้ามองว่าคนที่แต่งงานด้วยความด้วยความรัก ก็มีกิ๊กมีชู้อยู่เหมือนกันแหละนะ...คุณว่าไหม.เพราะอะไรผมก็ยังหาคำตอบไม่ได้นะ....

วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ทุกคนต้องมี

คนเราทุกคนมีความลับ ความลับซึ่งเขาเปิดเผยกับใครไม่ได้ แม้แต่ตัวเขาเอง เขาก็ยังไม่อยากเปิดเผย นั้นคือ ความลับที่เขาไม่อยากจะนึกถึงมัน ทุกคนน่าจะเคยทำชั่วที่น่าบัดสีไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง จะต่างกันก็เพียงแต่มากหรือน้อย หนักหรือเบาเท่านั้น บุคคลผู้มีมารยาทงาม ย่อมรู้จักให้เกียรติความลับของผู้อื่นเสมอ...ท่านละมีความลับแบบนี้ไหมหนอ...

วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

สิทธิส่วนบุคคล

ถ้าฉันรักใคร ก็อยากจะรักอยู่ข้างเดียวไม่อยากบอกให้เขารู้ รักเขาข้างเดียวนี้แหละ สบายใจดี เพราะเขาจะไปรักใคร ชอบใครและเที่ยวไปกับใคร เราก็ไม่ว่าอะไร ขออย่างเดียว ขอให้เราได้รักเขาเท่านั้นก็พอแล้ว ที่สำคัญเขาไม่สามารถห้ามไม่ให้เรารักไม่ได้ เพราะความรักเป็นของเรา เขาไม่รับรู้นั่นแหละดีที่สุด......ทำได้เปล่านะ...

วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2553

ค่าของแจกันรัก....

รักคนเรามันเหมือนแจกันไม่ควรจะปล่อยให้มันว่างเปล่า...หาดอกไม้มาปักเข้าชิ ขึ้นชื่อว่าแจกันแล้ว ไม่ควรจะปล่อยให้ว่างเปล่าไว้เฉยๆ มันมีไว้สำหรับปักดอกไม้ เมื่อไม่มีดอกไม้ปักมันก็ต้องเก่าคร่ำคร่า และแตกทำลายไปอย่างน่าเสียดาย ไม่คุ้มค่าอะไร ไหนๆ มันจะเก่าและแตกทำลายไปทั้งที ควรจะเก่าไปด้วยดอกไม้อยู่เสมอ ดอกอะไรก็ได้หามาปักไว้เถอะนะ..คนเราก็เหมือนกัน...การไม่มีรักเลยก็เหมือนแจกันที่ว่างเปล่าไร้ค่า จะแก่ จะตายทั้งทีก็ควรจะมีความรักเคียงข้างเสมอนะ....แม่นบ่...

วันเสาร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2553

หญิงใดไหนเล่าจะทนไหว....

การโอบอุ้มเอาความรักไว้ โดยไม่มีทางได้สมปรารถนาเลยนั้น เป็นความทรมานใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิง และที่สำคัญผู้หญิงมักจะทนเรื่องนี้ไม่ค่อยได้..จริงไหมท่านสุภาพสตรีทั้งหลาย...

วันศุกร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2553

ความเจ็บปวดที่หาที่เปรียบมิได้.....

นี่เธอ...ฉันอุตส่าห์บุกบั่นดั้นด้นมาหา โดยไม่เกรงกลัวอันตรายใดๆ ทั้งสิ้น หวังว่าจะได้รับไมตรีจิตจากเธอเป็นเครื่องตอบแทนความพยายามนั้น แต่เมื่อการณ์กับตรงกันข้าม กลับเป็นถูกไล่ให้จากไป ใครเล่าจะไม่น้อยใจและผิดหวัง เหมือนเด็กซึ่งรู้ว่า มารดากำลังจะจากไปอย่างไม่มีวันกลับ จึงดิ้นรนกระวนกระวาย ปรารถนาความอบอุ่นจากอกแม่ เพราะความรักท้วมท้นอยู่ในใจ แต่เมื่อถูกมารดาขับไล่อย่างไม่ใยดี เด็กหรือจะไม่สงสัยในความรักแห่งมารดาตน และจกหักห้ามความน้อยใจเสียกระไรได้ ตามความรู้สึกของเด็กเขาคิดว่า มารดาคงจะใจดีและโอบอุ้มเคลียเคล้าเฝ้าจูมพิตทั้งดวงเนตรและใบหน้าที่อาบด้วยน้ำตา เขาจึงรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่มารดากลับปฏิเสธต่อเขาอย่างตรงกันข้ามกับที่มารดาผู้รักบุตรจะพึงกระทำ น้องหญิงเอ่ย..เด็กน้อยนั้นเป็นฉันใด ฉันเวลานี้ก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน ด้วยความรักจึงดั้นด้นมาหา แต่กลับได้เสียงแช่งด่าตอบแทน ใครเล่าเขาจะไม่เสียใจนะ....

วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2553

อาวุธร้ายของสตรี..ให้บุรุษระวังด้วย...

น้ำตาของสตรีช่างมีอิทธิพลเหลือเกิน สตรีอาจสามารถฆ่าบุรุษได้อย่างง่ายดาย แม้เธอจะมีอาวุธเพียงแค่ ๒ อย่างเท่านั้น อย่างที่หนึ่ง คือ ความงาม และอย่างที่สอง คือ น้ำตา ช่างเป็นความจริงเสียนี่กระไร..ระวังไว้ด้วยนะ..หรือท่านเคยเจอแล้ว...

วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2553

เรียบแต่แจ๋ว....

น้ำบริสุทธิ์ ส่วนมากจะจืดสนิท สะอาด และปลอดภัยโดยประการทั้งปวง ไม่มีเสน่ห์ ไม่มีแรงดึงดูดใจสำหรับคนติดในรส แต่น้ำที่ผสมให้มีรส มีสีต่างๆ แล้ว แม้จะเจือด้วยโทษนานับประการ คนก็สมัครใจกิน ห้ามก็ไม่ฟัง มันมีแรงดึงดูดมากสำหรับคนจิตใจไม่เข้มแข็งที่จะต่อต้านอำนาจยั่วยวนของมัน เช่น สุรา คนเราเห็นโทษอยู่อย่างชัดแจ้ง แต่คนเป็นอันมากก็ยังหลงไหลติดในรสของมัน หรือ เหมือนบุรุษหรือสตรีส่วนมากมักชอบคนปากหวาน เอาใจเก่ง ทั้งๆ ทีรู้ว่าเขาไม่ซื่อสัตย์ ไม่จริงใจ แม้น้ำตาจะเช็ดหัวเข่าก็ยอม... แปลกจังนะ..

วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2553

"บารมี" คือตัวชี้วัดความสำเร็จในการดำเนินชีวิต ถ้าบารมีมากบริวารก็เยอะ ถ้าบารมีน้อย บริวารก็น้อย แต่บารมีเป็นสิ่งที่สร้างได้โดยการสะสม ไม่ใช่สร้างวันเดียวแล้ว ประสบความสำเร็จ คนที่จะเป็นใหญ่ เป็นโต หรือมีบารมีมากจะต้องเริ่มต้นจากการมีน้ำใจ ใจถึง ใจนักเลง กล้าได้ กล้าเสีย บางคนมีน้ำใจ แต่ใจไม่ถึง บางคนใจถึง แต่ไม่มีน้ำใจ หรือเห็นแก่ตัว ก็ไม่สามารถเดินทางไปสู่ความเป็นใหญ่ได้ การสร้างบารมีที่สำคัญที่สุด คือ การทำให้คนเราสามารถมีงาน มีอาชีพได้ หรือการช่วยเหลือในยามที่ตกทุกข์ ได้ยาก ผู้ได้รับการช่ยยเหลือย่อมจะเกิดความซาบซึ้งสำนึกได้ วันนี้ข้าพเจ้าได้ร่วมงาน "หน้าที่ ต่างกัน ความสัมพันธ์เหมือนเดิม" ในโอกาสเกษียณอายุราชการ แต่บุคคลผู้มาร่วมงานมองดูแล้วบางตาเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดถึงคำว่า "บารมี" ได้ชัดเจน จุงกะเอ๋ย เจ้าจงจำไว้เสมอนะว่า การที่คนคนหนึ่งจะสามารถเสียสละเวลา เงิน แล้วเดินทางมาร่วมงานเรา เขาย่อมจะเกิดความทราบซึ้ง หรือประทับใจในเราเป็นอย่างมากนะครับ ดังนั้น ถ้าเจ้าอยากจะเป็นคนที่มีบารมี เจ้าจงพยายามทำให้คนเกิดความประทับใจ และอย่าไปทำให้เขาเกิดความไม่สบายใจเลยนะ สักวันหนึ่ง ตัวชี้วัดเจ้าจะกลับมาวัดเจ้า ซึ่งก็คือ "บารมี" นั่นเอง

วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2553

โลกมันกลมจริงๆ

...."โลกมันกลม" เป็นคำที่นักปราชญ์ได้กล่าวไว้หลังจากพิสูจน์กันอย่างมาก และเป็นความจริง...คำว่า "กลม" หรือ "วงจร" (Cycle) หาจุดเริ่มต้น จุดสิ้นสุดไม่ได้ จะชี้ตรงไหนก็ได้ ย่อมเป็นจุดเริ่มต้นทั้งหมด ในบางครั้งก้เรียกว่า "เป็นปัญหาโลกแตก"...ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งไหนก็ตามที่มีวงจร ย่อมมีการพัฒนา มีการผลัดเปลี่ยน และที่สำคัญที่สุด คือ สามารถดำรงอยู่ในโลกนี้ได้ แต่ถ้าไม่มีตรงนี้ รับรองไม่นานก็จะตาย หรือสูญหายไปจากโลกนี้ เหลือไว้เพียงตำนานเท่านั้น...."น้ำ" ก็เหมือนกัน ถ้าไม่มีการหมุนเวียน การระบาย ไม่นานก็จะเกิดการเน่าเสีย ส่งกลิ่นเหม็น เพราะสาเหตุนี้ ในหลวงของเราจึงได้ประดิษฐ์คิดค้นกังหันชัยพัฒนาขึ้น เพื่อทำให้น้ำเกิดการหมุนเวียน มีการใส่ก๊าซเข้าไป เรียกว่า "การบำบัดน้ำเสีย" นั่นเอง...ด้วยเหตุนี้ หลายคน หรือแทบจะเรียกได้ว่า ทุกคนเลยก็ว่าได้ จึงพยายามที่จะสร้างบุคลากรให้โลก ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อให้เกิดวงจร หรือการสืบทอด ความเป็นตัวเองให้ได้ จะได้ไม่ตายไปจากโลกนี้ ดังคำที่เรียกว่า "ผู้สืบทอดสายเลือด" ถ้าคนไหนที่ทำไม่ได้ก็มักจะเกิดความไม่สบายใจ กลัวว่า ความเป็นตัวเองจะตายไปจากโลกนี้ ไม่มีใครสืบทอดนี่คือ เหตุแห่งความทุกข์ แต่ถ้าเราเข้าใจและมองอย่างชัดเจน ย่อมเข้าใจความเป็นธรรมชาตินี้นะครับผม....แล้วท่านละมีผู้สืบทอดหรือยังครับผม....

วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2553

เกมส์ เกมส์ เกมส์

คำว่า "เกมส์" คือ การเริ่มต้นที่สนุกสนาน แต่แฝงด้วยสาระ มีบทสรุปที่แพ้-ชนะ ถ้าเราสามารถนำมาเป็นกลยุทธในการทำงาน หรือการจัดการเรียนการสอน หรือจัดกิจกรรมต่างๆ ย่อมจะประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว...เพราะวัยที่ศึกษา คือ วัยเด็กๆ ที่มักจะต้องอาศัย ความสนุกสนานเป็นกุญแจ เพื่อจะเดินทางไปสู่เป้าหมายได้ เพียงแค่เรารู้จักนำไปใช้ในทางที่ถูกต้อง เด็กๆ จะมีความเพลิดเพลินเป็นปกติ ถ้าสิ่งไหนก็ตาม เริ่มต้นด้วยความเพลิดเพลินได้ ย่อมจะทำให้เด็กอยากเรียนรู้ และง่ายต่อการประสบความสำเร็จ...วันนี้ข้าพเจ้าได้นำเด็กๆ มาเข้าค่ายลูกเสือ และได้ดูกิจกรรมผจญภัย แต่ละกิจกรรมล้วนแล้วแต่แฝงไปด้วยความมั่นใจในตนเอง ความกล้า และที่สำคัญ คือ บรรยากาสแห่งการช่วยเหลือ หรือความสามัคคีนั่นเอง...คนเราถ้ามีความมั่นใจในตัวเองแล้ว ความกล้าก็จะตามมา แต่ถ้าไม่มีความร่วมมือ การเอาใจช่วยจากคนรอบข้าง ย่อมไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จได้ ถึงแม้จะสำเร็จ ก็ไม่มีความคงทน...ดังนั้น..จุงกะเอ๋ย เจ้าจงพยายามทำหน้าที่แม่พิมพ์ สอนให้เด็กมีความรู้สึกเหมือนเล่นเกมส์ รับรอง เจ้าจะประสบความสำเร็จในหน้าที่แน่นอน แต่ต้องอาศัยความมั่นใจในตัวเอง และความกล้า ที่สำคัญให้เกียรติคนรอบข้างด้วยนะครับ....

วันเสาร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2553

มองต่างมุม ในมุมที่ต่างกัน

"ความเป็นอัจฉริยะ" เป็นสิ่งที่พระเจ้าได้ประทานให้กับคนเราทุกคน แต่จะมีความแตกต่างกันไป เว้นเสียแต่ว่าจะค้นพบได้เร็วหรือนำไปใช้ในทางถูกต้องได้อย่างไร....ถ้าคนไหนคนพบได้เร็ว ย่อมมีความเป็นไปได้ง่ายมากที่จะประสบความสำเร็จในด้านนั้นๆ และเป้นประโยชน์กับตัวเองและสังคมอย่างมาก.....เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง หรือผู้ใหญ่ในด้านการศึกษาต้องเข้าใจในความเป็นจริงในจุดนี้ และยอมรับในหลักข้อนี้ เพราะจะทำให้ท่านส่งเสริม สนับสนุน และสร้างเวทีไว้สำหรับบุคคลเหล่านั้นได้แสดงความเป็นอัจฉริยะของตนเองออกมา...ข้าพเจ้าในฐานะเป็นครู หรือบุคคลที่คนเขายกย่องว่า "แม่พิมพ์" ย่อมรู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก เมื่อผู้ใหญ่เหล่านั้นมักจะพูดว่า "เด็กมันโง่ หรือ เด็กนั้นไม่มีความสามารถ" เพราะสิ่งนี้ทำให้มองเห็นถึงวิสัยทัศน์ ความรู้ และการมองโลกตามความเป็นจริง ที่สำคัญย่อมเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพัฒนาได้ประสบความสำเร็จ อย่างมากก็จะพัมนาเฉพาะคนที่เก่งเท่านั้น หรือเก็บเอาเฉพาะหัวกะทิไปเป็นจุดขาย หรือหน้าตาสำหรับตัวเองแล้วพูดอย่างภูมิใจว่าข้าพเจ้าทำได้ ซึ่งตามจริงแล้ว หน้าที่ของท่านคือ ส่งเสริม สนับสนุน สร้างเวทีให้นะครับ....เมื่อเป็นเช่นนี้ สำหรับข้าพเจ้าแล้วมองว่า "ที่เด็กไม่เก่ง เพียงเพราะเด็กคนนั้นยังไม่ค้นพบตัวเอง และนำความรู้ไปใช้ในทางไม่ถูกต้องเท่านั้น" ดังนั้น เราควรที่จะมากระตุ้น สร้างเวทีสำหรับเด็กๆ เหล่านั้น ให้ค้นพบตัวเองให้เร็วขึ้น เพื่อลูกหลาน และประเทศไทยเราจะได้พัฒนานะครับผม...

วันศุกร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2553

ทวนกระแส

“ทวนกระแส” คำนี้มักจะเป็นคำที่น่ายกย่อง ที่ดีสำหรับคนที่พยายามจะประสบความสำเร็จ ไม่ว่าใครคนไหนที่ประพฤติตัวทวนกระแสของสังคมแล้วมักจะประสบความสำเร็จ แต่ขอเน้นย้ำในทางที่ดีนะครับ เช่น คนไหนที่ทวนกระแสของกิเลส ก็มักประสบกับธรรมที่แท้จริง คนไหนที่ทวนกระแสความเกียจคร้าน ก็มักจะประสบความสำเร็จ คือความร่ำรวย คนไหนที่ทวนกระแสความฟุ่มเฟือย มักจะเป็นเศรษฐีในไม่ช้า แต่คนไหนที่พยายามทวนกระแสโดยไม่พยายามดูกาละเทศะแล้ว คุณพ่อเจ้าเอ๋ย คนนั้นถ้าสังคมไม่เรียกว่าบ้า ก็มักจะฉิบหายเองนั่นแหละและการทวนกระแสอีกแบบหนึ่ง คือ พวกทวนกระแสสังคมที่เขาพยายามพัฒนาขึ้น เช่น คนที่ทวนกระแสคนไม่ดื่มสุรา ด้วยการดื่มสุรารับรองว่าไม่นานเขาจะฉิบหาไป คนที่ทวนกระแสคนขยัน โดยการเกียจคร้าน รับรองไม่นานคนนั้นจะฉิบหายได้ เป็นต้น....ในเมื่อเป็นแบบนี้ การทวนกระแสก็ควรจะดูกาละเทศะ และต้องทวนกระแสในสิ่งที่ไม่ดีเท่านั้น ถึงจะประสบความสำเร็จ เราควรมอง และจับเอาเฉพาะในสิ่งที่ดีเท่านั้น แต่บางทีการทวนกระแสของฤดูกาลก็มีส่วนช่วยได้บ้าง เช่น เราควรจะชื้อเสื้อกันหนาวในฤดูร้อน หรือ ฤดูฝน ชื้อร่มในฤดูหนาว ซื้อเสื้อกันฝนเวลาร้อน หรือเวลาหนาว ก็คงจะได้ราคาที่ถูก หรือไม่แน่อาจจะแพงกว่าปกติก็ได้ แต่ทำไมตัวเองต้องมาตามสังคมด้วยการชื้อในฤดูนั้นๆ ด้วยนะ ...ต่อไปนี้จุงกะเอ๋ย จงทำอะไรให้ทวนกระแสบ้างนะตัวเอง เพราะว่ามันจะทำให้ตัวเองได้ของดี ราคาถูก และไม่จำเป็นต้องตามกระแสสังคมหรอกนะ...ว้า! แต่การทวนกระแสอีกแบบหนึ่ง คือ คิดถึงคนที่เขาอยู่ไกลๆ มีคนอื่นอยู่ข้างๆ อะไรแบบนี้ มันจะประสบความสำเร็จหรือเปล่าก็ไม่รู้ ถามหน่อยชิครับคุณๆ ทั้งหลาย

วันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2553

ใครบ้างเข้าใจความจริง

ไฟใกล้สิ้นเชื้อ เรือใกล้อับปราง น้องนางใกล้ลาจาก ตัวข้าใกล้ม้วยมรณ์ มันจะเหลือคุณค่าอะไรเป็นที่หวังในอนาคตได้ ใจมันหวิวหวิว ดังนุ่นปลิวไกลจากหมอน นกไร้คานคอน เสียงโอยอ่อนขอสั่งลา แม้จะมีแต่ลมหายใจนิดหน่อยที่ยังเหลืออยู่ก็ตาม ก็ขอรวมรวมพลังที่มีกลั่นกรองเป็นความประโยคสั่งลาทุกคนในวันนี้ด้วย แม้จะลาจากไปไกลแสนไกล ด้วยกำลัง ด้วยดวงใจที่ขาดจุดหมาย เดียวดาย ไร้เพื่อน แต่ฉันก็ยังย้ำเตือนตัวเองตลอดเวลาว่า “ฉันลาทุกคนครับ”

วันพุธที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2553

คนคลั่งสถาบัน

หลายคนตำหนิคนที่หลงสำนัก คลั่งมหาลัย คลั่งสถาบัน แต่สำหรับข้าพเจ้าแล้วเห็นไปในทางที่ว่า พวกที่ตำหนิอย่างนั้น เขาคงมีเหตุผลอย่างใดอย่างหนึ่งในใจเขา เหตุผลนั้น อาจเป็นโดยที่เขาแกล้งพูด ซึ่งไม่ใช่ความจริงใจของเขา แต่เขาต้องพูดออกไปเพื่อประโยชน์แก่ตัวเขาเองว่า ตนเองเป็นอิสระไม่มีพันธะกับใครๆ เพื่อมีทางที่จะหาประโยชน์ต่อไป ด้วยวิธีแสดงน้ำใจกว้างขวาง วางตัวเป็นพลโลก แต่ใจจริงของเขาก็รักสถาบัน คลั่งมหาลัย หลงสำนักเหมือนกัน หรือถ้าเกิดเขาพูดออกมาจากใจจริงว่าตามที่ใจต้องการ ก็แปลว่า เขาไม่ใช่มนุษย์ หรือศิษย์ที่จะให้ความเคารพนับถือ เขาเป็นคนอกตัญญู ขายสถาบัน ขายสำนัก ขายทุกๆ อย่างได้ แม้แต่สถานที่ที่ทำให้ตัวเขาเองมีความรู้ มีวันนี้ มีความคิด หรือมีทุกสิ่งทุกอย่างในวันนี้ได้ เพื่อประโยชน์ของตัวเขาเอง ถ้าท่านเจอคนแบบนี้ ท่านทั้งหลายกรุณาอย่าได้สมาคมด้วย หลีกพ้นให้ไกลๆ เถิดครับผม...ส่วนสำหรับตัวข้าพเจ้าแล้ว แม้จะแกล้งพูดก็ทำไม่ได้ ข้าพเจ้าเป็นโรคคลั่งสำนัก คลั่งสถาบัน มหาลัย อย่างไม่สามารถจะซ่อนเร้นได้ ใครที่รู้ปมด้อยของข้าพเจ้าอย่างนี้แล้ว เพียงแต่กล่าวยกย่องสำนัก สถาบัน มหาลัย และประเทศชาติ ที่ข้าพเจ้าอยู่อาศัย เรียน ศึกษา เท่านั้น ก็สามารถจะใช้ให้ข้าพเจ้าไปตายก็ได้นะครับ…

วันอังคารที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2553

เชื้อไวรัส กำจัดดวงใจข้า

“ไวรัส” เป็นชื่อของเชื้อโรค เป็นสิ่งที่ไม่ดี ไม่มีใครปรารถนา หรือต้องการเลย เพราะขึ้นชื่อว่าเชื้อโรคแล้ว ย่อมเป็นตัวทำลายสิ่งต่างๆ ให้เกิดความย่อยยับออกไป...แต่มีใครเคยคิดบ้างไหมว่า ไวรัสนั้น มีทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดี สิ่งที่ดี เช่น มีคนปล่อยไวรัสแห่งความดี ความขยัน ออกไป ย่อมเป็นที่ต้องการของคนทั้งหลาย แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้ามีใครปล่อยไวรัสเชื้อโรคนั้น เชื้อโรคนี้ ยิ่งไวรัสเอสไอวี แล้วยิ่งไม่เป็นที่ต้องการของใครๆ เอาเสียเลยนะ ...สำหรับข้าพเจ้าแล้ว ตอนนี้ดูเหมือนว่า จะโดนไวรัสที่ร้ายแรงที่สุด เข้าแทรกซึม กัดกินตามจุดสำคัญต่างๆ หรือตัวเฟื่องที่สำคัญในร่างกายเสียแล้ว ไม่ว่าจะเป็น มันสมอง หัวใจ กระดูกไขสันหลัง เป็นต้น จนทำให้ตัวเฟื่องตัวเล็กๆ เกิดปัญหาอย่างมากในปัจจุบัน เช่น ทานข้าวได้น้อย นอนไม่ค่อยจะหลับ อ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง เป็นต้น...ด้วยเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงพยายามค้นหาชื่อไวรัสตัวนี้อยู่นานวันอยากรู่ว่า มันชื่ออะไร? มีอานุภาพร้ายแรงขนาดไหน? แต่พอได้พบ ได้รู้จัก ได้ศึกษา ได้เข้าใจถึงอานุภาพของมันแล้ว เห็นทีว่าข้าพเจ้าจะไม่รอดเป็นแน่เลย คุณคงอยากรู้ด้วยกับผมนะซิว่า ไวรัสตัวนี้มีชื่อว่า อะไร? ซ่ายไหม? บอกให้ก็ได้นะว่า มันชื่อว่า “ไวรัสรัก” ไงครับคุณ หวังว่าอานุภาพของมันคุณคงเห็น และเข้าใจดีแล้วนะว่ามันขนาดไหน อธิบายให้ผมฟังอีกก็ได้นะ ยินดีรับฟัง จะได้สบาย และตายไปก็ตายไปอย่างไม่กังวล หรือว่า “ตายตาหลับ” ว่างั้น คิกๆ

วันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2553

เนื้อร้ายในใจข้าพเจ้า

ที่รักโปรดเข้าใจเถิดว่า…ไฟแม้น้อยนิดก็สามารถทำลายบ้านเรือน ป่าไม้ให้ย่อยยับได้ภายในเวลาชั่วพริบตา …อสรพิษ แม้ตัวน้อย ถ้าได้กัดแล้ว ย่อมสามารถล้มช้างที่บอกว่าตัวสูงใหญ่ได้ สามารถล้มคนที่องอาจ กล้าหาญได้ในไม่ช้า…เชื้อโรคน้อยนิดแค่หยดเดียว ยังสามารถทำลายอนาคต ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างให้ย่อยยับได้…ขนาดน้ำหยดลงหินทุกวันคืน มีหรือหินนั้นจะไม่กร่อนไปได้….วันนี้ ข้าพเจ้าได้เข้าใจแน่ชัดถึงอานุภาพของสิ่งที่หลายคนบอกว่าน้อยนิดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น คือ เรื่องละครทีวีที่คนเล็กๆ คนหนึ่งซึ่งเป็นเศษเสี้ยวของประเทศแสดง และว่าไปตามบทที่เขาเขียน หาได้มีเจตนาใดไม่ นอกเสียจากความสนุกสนาน ยังมีอิทธิพลทำให้คนทั้งประเทศเกิดการทะเลาะกันจนไม่สามารถจะร่วมงานกันได้ ไม่ว่าจะเป็นการทูต การค้าขาย ธุรกิจต่างๆ เป็นต้น ได้อีก ดังนั้น ท่านทั้งหลายจงให้ความสำคัญแก่สิ่งน้อยนิดให้ดี และยิ่งไปกว่านั้นถ้าสิ่งน้อยนิดนั้นเป็นความไม่ดี หรือความชั่วแล้ว ต้องรีบแก้ไขโดยด่วนนะครับ ก่อนที่จะเสียใจมากไปกว่านี้ สำหรับข้าพเจ้าแล้ว ทั้งๆ ที่พยายามจะแก้ไขจุดเล็กๆ น้อยๆ โดยไม่ยอมมองข้ามไปตลอดมา แต่ตอนนี้สิ่งเล็กๆ น้อยๆ นั้นได้ก่อตัวขึ้นจนเป็นก้อนเนื้อเสียแล้ว เมื่อมาสำรวจดู ให้หมอตรวจดู เอกซเรย์ดูแล้วอย่างละเอียด จึงได้รู้ว่า “มันเป็นก้อนแห่งเนื้อร้าย และอยู่ในระยะที่สามเสียแล้วด้วย ฟังหมอบอกว่าเปอร์เซ็นต์ที่จะหายขาดมีแค่ 30 % เท่านั้น” อย่างนี้ จะให้ข้าพเจ้าร้องบอกแก่ตัวเองว่าอย่างไรเหรอคุณที่รักทั้งหลาย...คุณรู้ไหมว่า สาเหตุที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้มากมายอะไร แค่คุยวันละนิด ถามวันละหน่อย เป็นห่วงกันและกันเท่านั้น ถ้าข้าพเจ้ารู้ว่ามันมีอานุภาพร้ายแรงขนาดนี้ ข้าพเจ้าคงจะไม่เป็นคนป่วยเช่นนี้ไปได้หรอกครับ จะอย่างไรก็ตามก็ได้โปรดสงสารคนไข้ผู้ใกล้วายชนม์คนนี้ด้วยนะครับผม

วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2553

โทรมาเถิดนะคนดี ใจพี่จะขาดรอน

เหล็กที่แข็งแกร่ง โดนไฟหลอมละลายแท่ง สีเหลืองแดง ค้อนทุบแรง ๆ ก็เปลี่ยนไป….คนผู้ยิ่งใหญ่ โดนความตายทำลายสิ้น แต่กลิ่นอายแห่งความยิ่งใหญ่ก็ไม่เคยจืดจาง ยังสถิตย์มั่นในจิตใจของเหล่าลูก หลาน เหลน ต่อมา…หลายคนวางทีท่าต่อคู่สนทนา เพื่อเสาะแสวงหาท่าทีหรือวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของเขาอย่างระมัดระวัง…ดอกไม้ที่บานสะพรั่ง ย่อมเป็นที่วาดหวังของเหล่าภมร นก ผีเสื้อที่แรมรอนจรจากพรากลูก และรวงรัง เพื่อหาอาหาร ก่อนจะเก็บเป็นเครื่องบรรณาการแด่มิตรสหายและลูกน้อย ที่คอยอยู่อย่างสงบเสงี่ยมและเจียมตัว แต่อย่างไรก็ตาม พึงเข้าใจความจริงข้อหนึ่งของสิ่งทั้งหลายว่า สิ่งทั้งหลายย่อมเปลี่ยนไป ย่อมคลี่คลาย เสื่อมสลายไปในที่สิ้นสุด …ประดุจดังความรัก ความคิดถึงใครคนหนึ่งที่ค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาเบ่งบานในจิตใจของข้าพเจ้า แล้วคลุกกรุ่นฝุ่นตลบอบอวลชวนให้เพ้อละเมอหา คู่สนทนาที่เคยพูดจากันอยู่เป็นประจำทุกวัน เมื่อคราเงียบหายไปโดยไม่ได้กล่าวขาน จนคนอย่างข้าที่บอกตัวเองว่าองอาจ กล้าหาญ ต้องประสานมือยก ขึ้นซูฮกให้แก่มัน (ความรัก) แล้วกล่าวอย่างหมดท่าว่า “ข้าพ่ายแพ้เจ้าแล้ว อย่าทรมานข้าเลย โปรดไปดลบันดาลใจให้เขาโทรหาข้าในเวลาอันใกล้นี้เถิดนะ”

วันเสาร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2553

รอคอยหน่อยนะจ๊ะที่รัก

เจ้า…ควรจะพอใจแล้วที่เจ้าได้ทำความดี เจ้าควรจะพอใจเพียงแค่นั้น อย่าให้ใจแล่นไปถึงผลของความดีเลย การไถ การหว่าน การทะนุบำรุงต้นข้าวเป็นหน้าที่ของชาวนา การออกรวงเป็นหน้าที่ของต้นข้าว โดยเฉพาะการขุดดิน การพรวนดิน รดน้ำต้นไม้เป็นหน้าที่ของชาวสวน ส่วนการออกดอกออกผลเป็นหน้าที่ของต้นไม้ เราแบ่งหน้าที่กันแล้ว ชาวนา ชาวสวนผู้ไม่ฉลาด บางครั้งหว่านข้าว ปลูกต้นไม้ลงในนาหรือ ดินที่มีความไม่ดี ไม่สมบูรณ์ที่สุด หรือบางคราวพันธุ์ข้าว หรือพันธุ์ไม้ไม่ดีเลย มิหนำซ้ำยังลีบเสียครึ่งต่อครึ่งอีก แต่เขาหารู้ถึงสาเหตุแห่งความไม่งอกงามของต้นข้าว ต้นไม้ไม่ แล้วนั่งโอดครวญถึงแรงงานของตนที่ลงไป บอกว่าเหนื่อยเปล่า อย่างนี้จะโทษใครกันแน่ครับผม… จะว่าชาวนา ชาวสวนถูก หรือต้นไม้ ข้าวในนาถูก ก็ไม่ได้นะครับ การทำบุญก็ต้องเลือกทั้งบุคคล สิ่งของ สถานที่เช่นกันนะครับผม…

วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2553

อย่าจริงจังอะไรกับชีวิตมากนัก

ชีวิต ความรัก ความสวย ความสาว บางทีก็เหมือนดอกไม้ เพราะเติบตูมอยู่ในเบื้องต้น เบ่งบานในท่ามกลาง และร่วงโรยในที่สุด ในระหว่างนั้นก็ถูกแมลงที่ปรารถนาเกสรเข้าซอนไซ ให้ร่วงหล่นโรยราเร็วเข้า ชีวิตนี้ก็ถูกแมลง คือ ความเจ็บ ความแก่ อันตรายต่างๆ ความตรอมใจ ความคับแค้นใจ ซอนไซทำลายให้อับเฉาเช่นกันนะครับ โอ้…อย่าคิดมากชิครับตัวเอง…

วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2553

เป็นกำลังใจให้คุณเสมอ

คนไข้ใกล้ตาย ที่อยู่ได้เพราะมีกำลังใจ แม้ทางร่างกายจะได้ตายไป หรือแน่นอนว่าจะต้องตาย แต่เขาก็ยังมีกำลังใจต่อสู้ พร้อมที่จะตื่นขึ้นมาแล้วพบกำลังใจ พบใบหน้าที่สดใส พบโลกใหม่ที่แสนจะสดสวย ฉะนั้น เราจึงไม่ควรพูดว่า ไปเยี่ยมทำไมคนไข้ ถึงไปเราก็ไม่ได้อะไร ช่วยอะไรเขาไม่ได้ ท่านรู้ไหมว่า ที่จริงแล้ว ท่านได้ช่วยเขาเป็นอย่างมาก ร่างกายที่เจ็บป่วย เป็นหน้าที่ของหมอ หมอสามารถรักษาให้หายได้ แต่คนป่วยใจ หรือ ดวงใจที่เจ็บป่วยนี้ชิ ใครเล่าจะรักษาได้ นอกเสียจากคนมาเยี่ยม มาให้กำลังใจ เช่นคุณที่กำลังทำอยู่นะครับ ดังนั้น เวลาคนที่เรารู้จักเป็นไข้ ไม่สบาย โปรดหาเวลาไปเยี่ยมให้ได้เถิดนะครับ เพื่อรักษาสภาพจิตใจช่วยเขานะครับผม….

วันพุธที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2553

เครื่องฝึกใจให้แกร่ง

ความสุขทางใจ จะมีได้ก็ต่อเมื่อยอมรับว่า เหตุการณ์ยุ่งยากทุกอย่าง ความลำบากทุกอย่าง เป็นของจำเป็นสำหรับชีวิต จะไม่มีไม่ได้ เพราะความทุกข์ทั้งหลาย คือ บทฝึกหัด ถ้าเราเกิดมาไม่มีแก่ ไม่มีเจ็บ ไม่มีตาย จิตใจเราจะสมบูรณ์ได้อย่างไร ถ้าเราเกิดมามีแต่ความสมหวังทุกอย่าง ปรารถนาสิ่งใด หรืออยากจะมีอะไร ก็เป็นต้องได้เสมอ จิตใจของเราจะสมบูรณ์ไม่ได้ และถ้าจิตใจไม่สมบูรณ์ เราก็ไม่มีทางจะเป็นสุขได้เลย แต่คนทั้งหลายกลับไปมองเห็นความทุกข์ยากลำบากเป็นสิ่งชั่วร้าย ดังนั้น ไม่ต้องกลัวบทพิสูจน์ชีวิต หรือ เครื่องสิ่งที่คอยเติมเต็มให้ชีวิตสมบูรณ์ นะครับ…

วันอังคารที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2553

ต้องรู้ชัดแน่นอน…

ความตายเป็นความทุกข์ คนเราจะรู้สึกก็ต่อเมื่อตัวเองอยู่ในเหตุการณ์ที่ทำให้แน่ใจว่า ตัวเองจะต้องตายในไม่ช้าเท่านั้น จึงจะรู้สึกว่าความตายเป็นความทุกข์ และจะรู้สึกได้อย่างชัดเจนทีเดียวว่า “ความกลัวตายเป็นความทุกข์ที่ทรมานอย่างแสนสาหัส” ตราบใดที่ยังปลงไม่ตก ความกลัวตายจะทรมานทำให้กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ไม่มีกำลังใจที่จะทำอะไร ดังนั้น อยากจะสรุปว่า “คนเราจะรู้สึกว่าความตายเป็นความทุกข์ ก็ต่อเมื่อตนเองรู้แน่ว่า ตนจะต้องตายในไม่ช้า และปลงไม่ตกเท่านั้นเอง” ส่วนที่เหลือจะบอกว่า "ความตายเป็นเรื่องธรรมดา" เพราะตัวเองจะภูมิใจว่า เหลือเวลาอีกเยอะ...(จริงนะ) คุณว่าอย่างผมหรือไม่…???

วันจันทร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2553

ไกลจากความเกิด ก็ใกล้ความตาย

วันนี้บรรยากาศรอบนอกในเวลาตอนเช้าๆ ก็ดูเหมือนจะสดใส เสียงนกร้องทักทายกัน เป็นการบอกเตือนว่า บัดนี้ได้เวลาที่พวกเราจะได้รับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า ก่อนที่จะออกไปหาอาหารกิน ผจญภัย บ้างก็สั่งกันว่า อย่าไปไกลนักนะ บ้างก็สั่งกันเป็นการอวยพรว่า ขอให้รอดพ้น ปลอดภัย กลับมานะนี่แหละ ที่พุทธองค์ตรัสว่า ตื่นมาก็รีบสำรวจตัวเองชิว่า เรายังครบอาการ ๓๒ หรือไม่ และจงภูมิใจเถิดว่า เรารอดพ้นจากปากแห่งความเสื่อ คือ ความตายอีกหนึ่งวันแล้ว เวลาในโลกนี้เหลือน้อยแล้ว จงรีบสั่งสมวัสดุที่เกื้อกูลในหนทาง คือ ความดีเถิด เหมือนบุคคลจะเดินทางไกล ก็ต้องเตรียมทัพสัมภาระในการเดินทาง เช่น เงิน ทอง ข้าว เป็นต้น ในการการเดินทาง แล้วท่านก็จะถึงจุดหมายปลายทางด้วยดี นี่บางคนนะอายุห่างจากวันเกิดมากแล้ว แต่ยังไม่รู้ตัวอีกว่าใกล้จุดปลายทางแล้ว ยังหลงระเริงอีกมากด้วย ฝากนะครับ ด้วยความเป็นห่วง.…

วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2553

อันตรายตามวัย…

ความสวยกับอันตรายนั้นย่อมอยู่ใกล้กันเสมอ น้องๆ เอ๋ย..เธอยังอยู่ในวัยสาว วัยหนุ่ม ให้ระวังอันตรายเกี่ยวกับความงาม ความหล่อเอาไว้ แต่ถ้าเมื่อใดพวกเธอ แก่ลงไป ให้พวกเธอระวังอันตรายเรื่องความโลภให้มากนะ ระวังจะทำความชั่วเพราะหวังดีต่อคนอื่น ซึ่งมีบริวารผู้ใกล้ชิด เป็นต้น…

วันเสาร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2553

อย่าดูถูกความเป็นคนนะครับ

วันนี้ข้าพเจ้านั่งฟังเสียงแม่ลูกโรงน้ำปลาถกเถียงกันแล้ว คำหนึ่งที่แม่พูดว่า“นี่…หนูออกจะมากเกินไปแล้วนะ หนูรอดชีวิต เติบโตมานั่งเถียงแม่ เถียงพี่อยู่เวลานี้ ก็เพราะได้น้ำเน่าๆ เหม็นๆ นี่เอง ขาดไม่ได้เลยสักบ้านเดียว ต้องใช้มันทุกบ้าน มันเข้าได้ตั้งแต่กระท่อมของคนซึ่งยากจนที่สุด ถึงปราสาทราชวัง แล้วพ่อ – แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ของหนูก็เลี้ยงชีพมาด้วยอาชีพนี้ ถ้าหนูจะรักอาชีพอื่นก็ไม่ควรดูหมิ่นอาชีพของบรรพบุรุษ และที่สำคัญมันก็เป็นอาชีพที่สุจริตมิใช่ดอกหรือ?” ข้าพเจ้ามาคิดต่อว่า ถึงแม้คนเราจะรวยจะจน ชอบอย่างอื่นมากขนาดไหน ชอบคนอื่นมากขนาดไหน ก็ไม่สมควรที่จะดูถูกความเป็นคน อาชีพที่สุจริตของเขาเลยนะครับ ถึงผมจะจน จะไม่หล่อ แต่อย่างไรก็ตาม ผมก็ยังมีสิทธิของความเป็นคนอยู่ในตัว ดังนั้น คนเราไม่ได้วัดกันที่ความรวยจน แต่วัดกันที่ความเป็นคนนะครับ…

วันศุกร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2553

นี่แหละชีวิต

ดูนั่นชิ… ดอกไม้กำลังบาน มันบานได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น จะไม่หวนกลับมาบานเป็นครั้งที่สองในชีวิตของดอกไม้นั้น ชีวิตคนเราก็เหมือนกัน ถ้าทำให้บานเต็มทีเสียครั้งหนึ่งแล้ว ก็จะบานอยู่เช่นนั้นจนร่วงโรยไป นั่นคือสิ่งอันสูงสุดที่ไม่ยอมเสื่อมถอยกลับไปตูมเหมือนเดิมได้

วันพฤหัสบดีที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2553

จริงเท็จอย่างไร?

เรื่องความจริงเท็จในโลกนี้ ใครถูกใครผิดอย่าได้ใส่ใจมากนัก แต่ที่ผิด คือหลอกลวงมโนธรรมในตนเองเท่านั้น เพราะคนเราทุกคนในโลกนี้ล้วนแล้วแต่มีสองหน้าด้วยกันทั้งนั้น แล้วแต่ท่านจะเลือกหน้าไหนเท่านั้น ถ้าเลือกหน้าจริงก็จะพบเนื้อแท้ แต่ถ้าเลือกหน้าปลอมก็จะพบแต่ความหลอกลวง ความเป็นคนเล่นละครด้วยกัน และไม่พบความจริงเลย เหมือนคำสอนของพุทธองค์ที่ว่า “ในโลกเรามีความจริงอยู่สองอย่าง คือ จริงโดยสมมติและจริงโดยธรรมชาติ” ว่าแต่ท่านจะเลือกอย่างไหนเท่านั้นเองนะครับ โอ้…อาเมน…

วันพุธที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2553

เครื่องป้องกันของสตรี

สตรีเพศมีความรู้สึกอย่างหนึ่งว่า การไม่มีบุตรนั้นเป็นกรณีแห่งปมด้วยของตน คู่แต่งงานที่ไม่มีบุตร ฝ่ายหญิงจึงมักเดือดร้อนกว่าฝ่ายชาย อนึ่งเมื่อไม่มีบุตร เธอเกรงว่าสามีจะเบื่อหน่ายเธอ และทอดทิ้งไปโดยง่าย แต่เมื่อมีบุตรด้วยกันแล้ว เป็นการยากที่ฝ่ายชายจะทอดทิ้งได้ ความหวังบุตรจึงเป็นความหวังอันสำคัญของสตรีที่แต่งงานแล้ว และเป็นการป้องกันตัวเองให้พ้นภัย คือ การถูกทอดทิ้งโดยง่ายอีกนะครับ ดังนั้น คุณผู้ชายทั้งหลายโปรดเข้าใจสตรีในข้อนี้ด้วยนะครับ…

วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2553

ดีคนละอย่างเน๊าะ

การสะสมทรัพย์เป็นเรื่องดี สำหรับคฤหัสถ์ แต่ไม่เหมาะสำหรับบรรพชิต เพราะคฤหัสถ์ไร้ทรัพย์ย่อมได้รับการดูหมิ่น ส่วนบรรพชิตมีทรัพย์ สะสมทรัพย์ย่อมเป็นที่เสื่อมศรัทธาของมหาชน เพราะฉะนั้น ศาสนาทุกศาสนา เมื่อสอนนักบวชก็มักจะสอนไม่ให้สะสมทรัพย์ แต่เมื่อสอนศาสนิกชนทั่วๆ ไป ที่เป็นคฤหัสถ์มักจะสอนให้สะสมทรัพย์มาเพื่อเลี้ยงตน เลี้ยงมารดา บิดา บุตร ภรรยา สามี บ่าวไพร่ ให้เป็นสุข เลี้ยงเพื่อนฝูงให้เป็นสุข บำบัดความตายอันเกิดจากเหตุร้ายต่างๆ ต้อนรับแขก ทำบุญอุทิศให้ผู้ตาย เสียภาษีอากร และเก็บสะสมไว้ใช้ในคราวจำเป็น ดังท่านกล่าวว่า เกิดเป็นมนุษย์ต้องพยายามแสวงหาทรัพย์ซึ่งยังไม่ได้ ต้องรักษาทรัพย์ที่ได้แล้วให้พ้นอันตราย เพิ่มพูนทรัพย์ที่รักษาไว้นั้น โดยทางที่ชอบ หว่านทรัพย์ที่เพิ่มพูนนั้นลงไว้ในบุญญเขต ผู้มีทรัพย์ซึ่งไม่หาเพิ่มเติม แม้จะกระเพียดเสียดใช้จ่ายให้น้อยเท่าไรก็ตาม ทรัพย์ก็ต้องหมดเปลืองไปอยู่ดีนั่นเองนะครับผม…

วันจันทร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2553

หักหอกเป็นดอกบัวดูบ้าง

จริงอยู่…เราควรทำลายศัตรู แต่เราน่าจะลองทำศัตรูให้เป็นมิตรดูบ้าง เขาอาจเป็นศัตรูที่ร้ายแรง แต่เมื่อกลับเป็นมิตรแล้ว อาจเป็นมิตรที่ดีเยี่ยมก็เป็นได้ เหมือนดิน น้ำ ลม ไฟ เป็นประโยชน์แก่มนุษย์อย่างมาก แต่มีอยู่เสมอเหมือนกันที่มนุษย์ต้องเสียชีวิตครั้งละมากๆ เพราะดิน น้ำ ลม และไฟนะครับ ในทำนองเดียวกัน สิ่งที่มีโทษอย่างร้ายแรง อาจมีคุณได้ถ้าใช้ให้เหมาะ ข้อสำคัญอยู่ที่ความพอเหมาะ พอดี ความถูกส่วน มนุษย์ที่เคยดียังกลับกลายเป็นคนร้ายได้ ทำไมมนุษย์ที่เคยทำผิด คิดร้าย แม้กระทั่งข้าพเจ้า)จะกลายเป็นคนดีไม่ได้ เราต้องลอง เพราะการลองผิดลองถูกทำให้คนเรามีประสบการณ์ ไม่มีความรู้ไดเสมอด้วยความรู้ที่ได้จากประสบการณ์หรอกนะครับท่านผู้อ่านทั้งหลาย ยิ่งคนที่เคยทำความชั่วจนตัวเอง นึกขึ้นมาได้แล้วต้องเสียใจภายหลังอย่างมากมายทุกที เมื่อเลิกความชั่วนั้นแล้ว มักจะเลิกได้เด็ดขาดเสมอนะครับผม

วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2553

ศัตรู – มิตรที่ถาวรมีด้วยหรือ

ผู้หญิง ถ้าแสดงตัวว่าเป็นมิตรแล้วก็จะเป็นมิตรจริงๆ ถ้ามีความรู้สึกว่าเป็นศัตรูอยู่ในใจแล้ว ผู้หญิงไม่สามารถแสดงตัวเป็นมิตรได้ ส่วนผู้ชายอาจแสดงตัวเป็นมิตรได้ แม้กระทั้งในขณะที่มีความรู้สึกเป็นศัตรู ที่ว่าผู้หญิงสามารถเก็บความรู้สึกได้ดีกว่าชายนั้น ก็มีเพียงเรื่องเดียว คือ “เรื่องความรัก” นี่เอง เธอต้องเก็บ เพราะความจำเป็นในการสงวนศักดิ์ศรีเท่านั้นเอง เรื่องนอกจากนี้แล้ว ผู้ชายจะเก็บความรู้สึกได้ดีกว่าผู้หญิงมากนะครับ โปรดเข้าใจไว้ด้วยนะครับคุณผู้ชายและคุณผู้หญิงทั้งหลาย…

วันเสาร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2553

ของเก่าอาจมีค่าดี

อย่าคิดมากไปเลยว่า สตรีที่เคยมีสามีแล้วหรือไม่เคยมีก็เหมือนกันแหละนะ ที่มีแล้วเราก็ยังพอรู้ว่าเขาเคยผ่านมือผู้ชายมาเท่าไรแล้ว อีกอย่างหนึ่ง ไม่ควรไปถืออะไรมาก เพราะธรรมดาสตรีนั้นเหมือนดวงจันทร์ แม้จะเว้าแหว่งไปบ้างเป็นครั้งคราว ก็กลับเต็มขึ้นได้อีกอย่างเดิมและครับคุณผู้ชายทั้งหลาย…

วันศุกร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2553

ช่องว่างระหว่างเรา

ถ้าพวกเรากระเสือกกระสนเพื่อความมั่งคั่ง สมบูรณ์ทางทรัพย์สิน เพื่อให้มีทุกสิ่งทุกอย่างเสนอสนองความอยากซึ่งมีลักษณะวิ่งออกนอกหน้าอยู่เสมอแล้ว เราได้เคยสำรวจบ้างหรือไม่ว่า ความมั่งคั่งพรั่งพร้อมทางทรัพย์สินได้มาทำให้เรา ขาดแคลนความเมตตาปราณี ขาดแคลนน้ำใจอันพึงจะมีต่อเพื่อนมนุษย์ผู้ทุกข์ยาก และกำลังแหวกว่าย มือขวักไขว่อยู่ในทะเลชีวิต ขอความเมตตาปราณีจากเพื่อนมนุษย์ผู้ถึงแล้วซึ่งฝั่ง คือความสำเร็จ ถ้าความมั่งคั่งร่ำรวยทรัพย์สิน ทำให้พวกเราต้องขาดแคลนความเมตตาปราณีแล้ว มันจะกลายเป็นพิษเป็นภัยในภายหลัง ประหนึ่งเหมือนอาหารที่ไม่ย่อย ทำให้ผู้บริโภคทนทุกข์ทรมาน อันธรรมดาทรัพย์สมบัติทั้งปวงนั้น ย่อมตกอยู่ภายใต้กฎ ๓ ประการ คือ ถูกใช้สอยให้หมดไปหนึ่ง พังพินาศไปเองหนึ่ง หรือมิฉะนั้นเจ้าของทรัพย์ย่อมตายจากไปหนึ่ง ทุกคนเกิดมาแล้วต้องตาย ความตาย แม้มันค่อยข้างจะเป็นศัตรูอย่างร้ายแรงของความมั่งคั่งร่ำรวย แต่มันก็เป็นมิตรที่ดียิ่งของคนจนที่ไม่มีอะไรจะกิน เป็นมิตรของคนชรา และเป็นมิตรของคนสิ้นหวัง เป็นโรคร้ายไม่สามารถรักษาให้หายได้เหมือนกันนะครับ แล้วแต่คุณจะมองครับผม…

วันพฤหัสบดีที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2552

อาภรณ์ของนักปราชญ์

นักปราชญ์มีความทุกข์ ความเดือดร้อนอยู่เรื่องเดียว คือ ความไม่มีคุณธรรมวิชชาในตัว ปราชญ์มีความเห็นตรงกันว่า คุณธรรมและวิชชาเป็นอาภรณ์อันประเสริฐสุดอยู่แล้ว จึงไม่ต้องการหาอาภรณ์ภายนอกให้ยุ่งยากใจอีกนะครับผม แล้วอภินันท์เจ้ามีความต้องการอาภรณ์แบบนี้บ้างหรือไม่ หรือว่าต้องการแต่อาภรณ์คือสตรีเท่านั้นหรือ เจ้าไม่อยากเป็นนักปราชญ์กับเขาบ้างหรือครับอภินันท์…

วันพุธที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2552

แด่คนรู้ใจ

เพราะฉันเองเคยถูกทรยศเรื่องรักมาทำนองเดียวกับท่านนี้ หล่อนเป็นสาวบ้านป่าซึ่งเคยเป็นเรือนใจของข้าพเจ้าในสมัยหนึ่ง ข้าพเจ้าได้รักเธอ ยกย่องเชิดชูเธอ เช่นเดียวกับที่ท่านมีความรู้สึกต่อคนรักเก่าของท่าน ข้าพเจ้าได้ประสบปัญหาเช่นเดียวกับท่าน เราจึงสามารถอนุมานความรู้สึกของท่านได้ว่า เจ็บปวด และขมขื่นเพียงใด เราเป็นคนซื่อ เมื่อรักใครแล้วก็รักอย่างทุ่มเท มิได้เผื่อใจไว้สำหรับความผิดหวังเลย คนซื่อก็มักจะถูกหลอกเพราะมัวนึกว่าคนอื่นจะซื่อเหมือนตัวเรา แต่คนที่ใครๆ หลอกไม่ได้นั้นคือ “คนที่หลอกลวงคนอื่นเสมอ”…

วันอังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2552

สาเหตุแห่งรัก

ความพร่องนั่นเอง ทำให้คนต้องแสวงหาความรักและสิ่งที่รัก ที่คนรักกันนั้นไม่ใช่เพราะมีอารมณ์รัก แต่เพราะเขารู้สึกว่า ถ้าไม่ได้รักดูเหมือนจะขาดอะไรไปสักอย่างหนึ่งในชีวิตตราบใดที่ยังไม่มีที่รัก ตราบนั้นดูเหมือนว่าชีวิตยังไม่มีความสมบูรณ์แท้ ฉะนั้น การที่เรารักจึงมิใช่เพราะความรักอะไรเลย ที่แท้ความรักช่วยให้เรามีความรู้สึกสมบูรณ์ ไม่ขาด ไม่พร่อง ดังนั้น ผู้มีความสมบูรณ์ในตนย่อมไม่ต้องการที่รัก ไม่ต้องการความรักอีกนะครับ แล้วเจ้าละอภินันท์เจ้าเป็นคนสมบูรณ์แบบหรือไม่นะ ข้ามองว่าเจ้ายังไม่สมบูรณ์แบบนะ เพราะเจ้ายังต้องการความรัก และคนรักอยู่นะ…

วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2552

กรรมของใคร

นอกจากนักล่าคนในด้านชีวิต คือ ทำลาย ฆ่าล้างชีวิตแล้ว ยังมีนักล่าจิตใจ ทำลายจิตใจของผู้อื่นก็มีอยู่มิใช่น้อย สร้างรอยแผลรอยซ้ำให้แก่ผู้อื่นจนกลายเป็นความหลังอันไม่มีวันลืมเลือนได้ บางทีเพศชายก็มีความภูมิใจผิดๆ ว่า ถ้าได้ล่าเพศตรงข้ามได้จำนวนมากเท่าใด ก็แสดงถึงความเก่งกล้าสามารถเท่านั้น เขาถือเสมือนว่าเพศหญิงทุกคนเป็นศัตรูของเขา เมื่อผ่านเข้ามาในชีวิตจะต้องทำลายล้างให้หมด แต่บางทีก็เป็นความคิดของเพศหญิงด้วยเหมือนกัน ยิ่งในสังคมปัจจุบันยิ่งมีมากนะครับ ที่การกระทำบางอย่างอันเป็นเหตุก่อความซอกซ้ำและความผิดหวังแก่ชายมากจนเขาไม่อาจคงความเป็นสุภาพบุรุษอยู่ได้อีกต่อไป จึงต้องล้างผลาญทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตด้วย เธอได้ก่อสิ่งอันเป็นอันตรายอย่างยิ่ง แก่มนุษย์เพศเดียวกับเธอไว้ กรรมอันให้ผลแก่มนุษย์เพศเดียวกัน จึงแสดงฤทธิ์ต่อไป จนกว่าบุคคลผู้มีส่วนร่วมในกรรมอันนั้นจะไปกระทบเข้ากับอะไรสักอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุให้เขาหันหลังกลับอีก…

วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เคียงคู่กัน

สามีและภรรยา ควรจะให้ความสุขแก่กันและกันทุกประการ คอยปลอบใจเมื่อเวลาเศร้า ประคับประคองเมื่อเวลารวนเร ให้กำลังใจเมื่อเขาประกอบคุณงามความดี คอยให้สติเมื่อหลงไหลมัวเมา เมื่อยามบรรทมก็มีความละอายดุจชายหญิง เมื่อมองพักตร์ก็เสงี่ยมงาม เมื่อใครโกธรก็รู้จักข่มใจคอยปลอบใจให้หายพิโรธลง ทำตนเป็นประดุจบ้านที่ก่อด้วยอิฐหนา ยามหนาวก็อบอุ่น ยามร้อนก็เย็นสบาย ยามใครยั่วเย้าแสดงความสนิทสนมก็ไม่ล่วงเกินเลยขอบเขต เมื่อมีความทุกข์ก็อดทน ยามสุขก็สงบเสงี่ยม ไม่ปล่อยใจให้หลงไหลมัวเมา สตรีหรือบุรุษที่สมบูรณ์ด้วยลักษณะเช่นนี้ ย่อมควรแก่ผู้มีบุญอย่างแท้จริง และสามารถให้ลูกที่ดีแก่ผู้ที่เป็นสามีและภรรยาอีกด้วยนะครับ ที่สำคัญอภินันท์ก็กำลังหาอยู่นะครับผม ถ้ามีบอกให้ด้วยจะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง…

วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2552

สวยจริงแต่เขาก็วิ่งผ่าน

ความงาม ความสวย ความหล่อ ในร่างกายของผู้ชาย หรือผู้หญิงจะมีค่าอะไร เมื่อใจของพวกเขาปราศจากความมั่นคง ใครเล่าจะพอใจนอนในบ้านซึ่งฉาบทาด้วยสีอันสวยงาม แต่ทว่าภายในบ้าน ทั้งเสา ขื่อ กลอน และเครื่องค้ำจุน อื่นๆ ผุหมดแล้ว ใครเล่าจะชอบใจ พอใจกับดอกไม้ที่มีสีสวย แต่ไร้กลิ่น มันเพียงแต่ล่อตาคนสัญจรไปมาให้อยากเปิดประตูเข้ามาแล้วถอยออก หรือชมดูสวยแล้วก็ไม่ยอมเด็ดไปดมหรือถือติดไม้ติดมือไปด้วยเท่านั้น สตรีที่สวยงาม หรือบุรุษที่หล่อ แต่จิตใจโลเล ไม่มั่นคงนั้น ใครเล่าจะรับไปเลี้ยงจริงๆ ใครเล่าจะพอใจร่วมชีวิตด้วย เขาเพียงแต่ลิ้มลองเล่นแล้วก็ทิ้งขว้างไปเท่านั้นเอง…
น้องหญิงเอ๋ย..วันนี้น้ำใจของเจ้านั้นช่างเหมือนน้ำค้างบนใบพฤกษ์เสียจริงๆ เมื่อยามดึก ดูเหมือนจะรองดื่มได้ แต่พอต้องแสงสุรีย์ส่องสาดเมื่อรุ่งอรุณก็พลันเหือดแห้งหายไป ข้าพเจ้ามารู้น้ำใจของเจ้า เมื่อข้าพเจ้าหัวใจจะขาดรอน เพราะถลำรักลงไปในตัวท่านเสียแล้ว น้องหญิงเอ๋ย..ความรักนั้นข้าพเจ้าพอตัดเสียได้ดอก แต่ความแค้นเพราะท่านหลอกลวงข้าพเจ้าให้หลงรักนี้ชิ จะทำประการใดให้หายแค้นใจได้ ถ้าไม่รักน่าจะแสดงอาการให้รู้ว่าไม่รักเสียแต่ต้น ไม่น่ามาให้ความหวังกันเลยนะ เสียดายที่ยกย่องเจ้านะน้องหญิงเอ๋ย
ดังนั้นจุงกะเอ๋ย..เจ้ารู้จักความเจ็บปวดแล้ว ต่อไปนี้ถ้าเจ้าไม่รักใครแล้วเจ้าจงอย่าให้ความหวังแก่เขาเลยนะ และที่สำคัญเมื่อเจ้ารักใครแล้วเจ้าจงรักเขาคนนั้นตลอดไปจนตราบชั่วนิจนิรันดร์…

วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ใครจะไม่ชอบของแปลก

แน่นอนทีเดียว สตรีย่อมให้ความสนใจแก่สิ่งที่แปลกและใหม่เสมอ เพราะฉะนั้นเพศที่ตื่นสมัยที่สุด ชอบเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย และเครื่องประดับบ่อยที่สุด คือ เพศหญิงนั่นเอง เป็นธรรมชาติ ธรรมดา อย่าไปลงโทษ หรือ เห็นเป็นเรื่องแปลกประหลาดอะไรเลย เพราะความนิยมของใหม่และแปลก เธอจึงมักประดับกายด้วยอาภรณ์ที่สีแปลก รูปทรงแปลกสะดุดตา ชวนมอง อย่าไปวิตกกังวลอะไรเลย นิยมกันเสียพักหนึ่ง เห่อกันไปพักหนึ่งแล้วก็หายไปเองแหละครับ จริงดังคำว่า“มีปกติรักง่ายหน่ายเร็ว ดังผ้าที่ย้อมด้วยขมิ้น” นั่นเองครับ.

วันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เรียนทำไมครับ

วิชาความรู้ที่ศึกษาไปนั้น จงใช้ให้เป็นประโยชน์ให้มากที่สุด วิชาที่ไม่ได้ใช้เหมือนอาหารที่บริโภคแล้วไม่ย่อย มีแต่จะก่อความอึดอัดรำคาญและเป็นพิษ อย่าคอยโอกาสให้คนอื่นใช้เสียก่อนแล้วจึงค่อยใช้วิชา เราจงใช้วิชาเสียก่อน เมื่อผู้อื่นเห็นคุณค่าของวิชาในตัวเราแล้ว เขาก็พลอยเห็นเจ้าของวิชามีคุณค่าไปด้วย คนที่บ่นว่ามีวิชาความรู้แต่ไม่มีโอกาสนั้น คือ คนที่คอยแต่ให้ราชรถมาเกยแล้วจึงค่อยทำอะไรๆ ความจริงในชีวิตเป็นอีกอย่างหนึ่ง คือ คนต้องทำอะไรๆ แสดงความสามารถเสียก่อนแล้ว ราชรถจึงจะมาเกย เพื่อให้เราแสดงความสามารถต่อไปจงเชื่อเถิดว่า คนที่มีความเพียรและมีความสามารถนั้น โอกาสจะเจริญก้าวหน้าย่อมมีอยู่เสมอ ในโลกนี้ล้นหลามไปด้วยคนที่สามารถไม่ถึงงานในหน้าที่ของตน แต่คนที่สามารถเหมาะแก่งานในหน้าที่หรือมีความสามารถเหนืองานในหน้าที่ของตนนั้นมีอยู่น้อย ยังหาได้ยากอยู่ เมื่อเป็นดังนี้ ไฉนเล่าคนจะไม่ต้องการผู้ที่มีความสามารถ ขอให้เจ้ามีความสามารถจริงเถิดอภินันท์เอ๋ย ข้ารับรองเจ้าไม่ตกงานแนะนะครับ…

วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2552

บอกยากจริงๆ

เป็นธรรมดาของสตรีที่เริ่มจะรักใครสักคน เธอมักไม่ค่อยรู้ บอกตัวเองไม่ถูกว่าเธอสนใจอะไรในตัวเขา ทั้งๆ ที่บางทีเขาคนนั้น รูปก็ไม่งามเท่าคนอื่น กิริยา ท่าทางก็ไม่น่าภาคภูมิใจเหมือนคนอื่น แต่เธอก็สนใจและที่สำคัญเธอก็บอกไม่ได้ว่า อะไรทำให้เธอสนใจเขา เป็นห่วงเขา ไม่รู้จริง บอกข้าพเจ้าหน่อยชิครับผม ว่าเป็นเพราะอะไร…

วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ใครแน่กว่าใคร

จงข่มคนที่ควรข่ม ยกย่องคนที่ควรยกย่อง อย่ายกย่องคนที่ควรข่ม หรือข่มคนที่ควรยกย่อง อย่าหลงรักใคร่คนที่ทำความดีเพียงเอาหน้า อย่าเพิกเฉยไม่เห็นคุณค่าของมิตรที่มีความซื่อสัตย์สุจริตต่อตนเองเลยนะครับ และจงเอาชนะคนสูงศักดิ์ด้วยการอ่อนน้อม คนต่ำต้อยด้วยการสงเคราะห์ เอื้อเฟื้อ คนแกล้วกล้าด้วยการให้แตกสามัคคี คนเสมอกันด้วยความพยายามอย่างมากนะครับ…

วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เป็นกำบังช่วยกัน

ผู้ที่ป้องกันตนเองให้รอดพ้นจากความเสื่อม ชื่อว่าช่วยป้องกันคนอื่นด้วย และผู้ที่ป้องกันคนอื่นจากภัยพิบัติ ก็ชื่อว่าได้ป้องกันตนเองพร้อมๆกันไป เหมือนเมื่อไฟไหม้บ้านเรา ถ้าไม่รีบดับไฟเสีย ไฟนั้นจะลุกลามไปไหม้บ้านคนอื่น หรือเมื่อไฟไหม้บ้านคนอื่น ถ้าไม่รีบดับก็จะลุกลามมาไหม้บ้านเราด้วยเช่นกัน ฉะนั้น จงคุ้มครองตนให้ดีนะ ก็เท่ากับเรากำลังคุ้มครองคนอื่นด้วยนะครับอภินันท์…

วันอาทิตย์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2552

คิดดูเหมือนกระโถนจริงเรา

จริงทีเดียว การที่ได้พูดถึงคนอันเป็นที่รักกับใครสักคนหนึ่ง เป็นความชื่นสุขของผู้ที่ตกอยู่ในห้องแห่งความรัก การที่สตรีบางคนยอมตีสนิทกับเพื่อนชายของคนรักแห่งตน จุดประสงค์ก็เพื่อได้พูดถึงคนอันเป็นที่รัก บุรุษก็เช่นเดียวกัน แต่บางคนก็ระแวงจนเกินเหตุ จึงมักเกิดเรื่องเข้าใจผิดกันในเรื่องทำนองนี้อยู่มากบ้าง น้อยบ้าง มนุษย์เราย่อมจะอิ่มเอม เมื่อได้พูดถึงสิ่ง หรือบุคคลที่เขารักและภูมิใจ ฟังไปเถิด–ฟังไปอย่างยิ้มแย้มแจ่มใสเถิดอภินันท์เอ๋ย เจ้าจงนึกเสียว่าทำตนเป็นเครื่องรองรับการระบายความสุขแห่งเขา เป็นการทำความดีแก่ผู้อื่นโดยไม่ต้องลงทุนอะไรมากนัก นอกจากหัดอดทนเสียอย่างเดียว และในความอดทนนั้น ยังได้ทราบเรื่องอะไรดีๆ อีกด้วย เมื่อเขามีทุกข์ก็เช่นกัน มนุษย์เราอยากได้ใครสักคนหนึ่ง ซึ่งยอมรับรู้ในความทุกข์ยากของเขา บางทีเขาไม่ต้องการความช่วยเหลืออะไร เขาต้องการเพียงใครสักคนหนึ่งยอมรับรู้ในความทุกข์ยากลำบากของเขาเท่านั้น ดังนั้น เราจึงมักจะได้ยินใครต่อใครมาเล่า มาระบายความกลุ้มอกกลุ้มใจให้ฟัง แล้วเขาก็จากไปด้วยความรู้สึกที่สบายใจ ตราบใดที่มนุษย์เรายังยอมเป็นทาสแห่งอารมณ์ ยังไม่เป็นนายของตัวเอง ยังเอาชนะตัวเองไม่ได้ ตราบนั้น มนุษย์เราก็ต้องแสวงหาที่พึ่งทางอารมณ์และทางจิตใจจากภายนอกอยู่ร่ำไป สิ่งที่ทำให้บุคคลลำบาก เดือดร้อนอยู่เสมอนั้น มิใช่สิ่งภายนอกหรืออื่นใด อันที่แท้จริง คือ อารมณ์ตัวเอง ซึ่งคอยรบเร้าเง้างอดไปทางใดทางหนึ่งที่เจ้าตัวพยายามเอาชนะ แต่ก็เอาชนะไม่ได้ อารมณ์รัก อารมณ์ชัง อารมณ์โกรธ อารมณ์หลง คลุกเคล้าผสมผสานอยู่ในกระแสธานแห่งชีวิตอันไหลเลื่อนอยู่มิขาดสายนั่นเองนะครับผม…

วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ข้าทำไม่ลง

เมื่อพวกผู้หญิงอยู่ในวัยสาวและวัยสวย พวกเขาย่อมปรารถนาจะหาคู่ครองแต่งงานด้วยนั้น เขาย่อมหวังใจว่า ชายคู่ครองของเขาจะสามารถเป็นหลักประกันชีวิตในยามแก่เฒ่าและยามสิ้นความสวยของเขา ข้าพเจ้าได้รับอาสาเป็นหลักประกันชีวิตในยามแก่เฒ่าและยามสิ้นความสวยของภรรยาของข้าพเจ้าไว้ตั้งแต่เขายังอยู่ในวัยสาวและวัยสวย บัดนี้ถึงเวลาที่ภรรยาของข้าพเจ้าได้เข้าสู่วัยแก่และสิ้นความสวยแล้ว จะให้ข้าพเจ้าทรยศทอดทิ้งเขาไปได้อย่างไรกันเล่าครับผม โอ้ซึ้งจริงๆ นะถ้าผู้ชายคิดแบบนี้ ปัญหาครอบครัวแตกแยก ปัญหาเด็กขาดความอบอุ่นคงจะไม่เกิดขึ้นนะครับ

วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2552

มันแปลกจริงๆ

มันแปลกจริงๆ ความสัมพันธ์ระหว่างเพศนั้น ความรู้สึกคอยจะหลบหลีกกันอยู่เสมอ เมื่อฝ่ายหนึ่งรัก อีกฝ่ายหนึ่งก็ไม่สมัครใจ เมื่อฝ่ายหนึ่งใฝ่ฝันหา อีกฝ่ายหนึ่งก็มักจะเลี่ยงหนี หรือจะพูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือว่า คนที่เขารักเรา เราก็ไม่ค่อยจะสนใจเขา แต่คนที่เรารักเขา เขาก็ไม่ค่อยให้ความหวังแก่เรา ความรักระหว่างเพศคอยจะหลีกเลี่ยงกันอยู่อย่างนี้ มีน้อยเหลือเกินที่ความรู้สึกจะไปตรงกันเข้า เมื่อใดความรู้สึกไปตรงกันเข้า เมื่อนั้นย่อมหมายถึง การร่วมชีวิต การแต่งงาน การผู้พันธ์ทั้งทางร่างกายและจิตใจ เป็นเครื่องผูกที่ผูกหย่อนๆ แต่แก้ได้ยาก เพราะในความผูกพันธ์นั้น มีความสมัครใจ ความสมยอมอยู่ด้วย เสมือนบุคคลพอใจบริโภคอาหารที่มีรสเผ็ด แม้จะรู้สึกว่าเผ็ด ก็ยังพอใจอยู่ในรสนั่นนั่นแหละครับ แปลกจริงๆ คนเรา…

วันพฤหัสบดีที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2552

อย่าได้ดูถูกคนเลย

คนมีทรัพย์ ก็มักทนงตนเพราะทรัพย์ แล้วดูถูกเหยียดหยามผู้อื่นซึ่งต่ำต้อยยากจนกว่า คนมีวัยสมบูรณ์กำลังเป็นหนุ่มเป็นสาวก็มักหลงในวัยสมบัติแห่งตน คนมีวิชาความรู้ถ้าไม่ควบคุมโดยศีลธรรมและมโนธรรม ก็มักยกตนข่มผู้อื่น ภาคภูมิใจในสถาบันการศึกษาแห่งตนว่าเลิศกว่าสถาบันการศึกษาใดๆ จนบางคน เมาสถาบัน เมาวิชา ลืมตัวทั้งๆ ที่เขามิได้ทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอัน เป็นแก่นสารแก่ใครเลย เขาก็ยังภาคภูมิใจอยู่นั่นเองว่า เขาสำเร็จมาจากสถาบันอันมีเกียรติ แล้วเหยียดหยามผู้อื่น สถาบันอื่นอีกด้วย โอ้…การศึกษาไม่ได้ช่วยคนได้มองข้ามเปือกจนพบแก่นได้เลยหรือครับ…

วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ความรักตัวของชายหญิง

นิสัยผู้ชาย ชอบแต่จะหาความสุขในปัจจุบัน ขอให้ได้กินสบาย เที่ยวสบาย มีทรัพย์ใช้ไปเดือนๆ ปีๆ ก็พอใจแล้ว แม้แต่บุคคลทุกคนจะรักตัว แต่ผู้ชายดูเหมือนจะรักตัวน้อย เมื่อเทียบกับความรักตัวของผู้หญิง การที่สตรีรักยาก ทั้งๆ ที่เธอมองเห็นชัดว่า ชายผู้ที่ตนรักนั้นมีคุณลักษณะทุกอย่างที่เธอควรจะรัก ก็เพราะเธอมีความรักตัวเองอย่างเข้มข้นนั่นเอง กว่าจะคลายความรักตัวลงได้แล้ว ค่อยๆ แบ่งความรักตัวไปรักคนอื่น คือ ชายที่เธอเห็นดีเห็นงามก็ต้องใช้เวลานาน แต่เมื่อได้รัก หรือคลายความรักตัวไปรักชายที่เธอรักแล้ว ก็เป็นการยากอีกนั่นแหละที่ผู้หญิงจะเรียกคืนให้เข้ารูปรอยเดิมได้เหมือนปลาไหลที่ปล่อยไปในเปือกตมแล้ว ก็ย่อมยามที่จะจับกลับคืนได้นะครับ…

วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ส่วนตัวจริงๆ

เหตุผลส่วนตัว แน่นอนทีเดียว ทุกคนล้วนมีเหตุผลส่วนตัวในการกระทำและคำพูด ถ้าเหตุผลส่วนตัวนั้นไปสอดคล้องกับเหตุผลของคนส่วนใหญ่ ก็ได้รับการรับรองจากคนทั่วไปว่า เหตุผลนั้นใช้ได้ ถ้าเหตุผลส่วนตัวนั้นไปขัดเข้ากับมติของมหาชน ก็จะกลายเป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระ คนใจแคบจะไม่ยอมรับรู้เหตุผลส่วนตัวของใครทั้งนั้น เขาจะพยายามคะยั้นคะยอให้คนอื่นบอกเหตุผลในการกระทำ และพฤติกรรมต่างๆ โดยไม่คำนึงสักนิดว่า เหตุผลส่วนตัวบางอย่าง เป็นสิ่งที่เขาพูดบอกออกมาไม่ได้ แต่คนใจกว้างกลัวมีพฤติกรรมที่ตรงกันข้ามนะครับ แล้วคุณละเป็นแบบไหนครับ…

วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2552

อำนาจใด ๆ ในโลกนี้มีมากเท่า

มีอะไรอีกไหมในโลกนี้ที่มีอำนาจยั่วยวนใจให้หลงไหลใฝ่ปอง และเร่งเร้าให้จิตใจระลึกถึงด้วยความกังวลยิ่งไปกว่า “อำนาจแห่งความรัก” ในความรักมีบรรยากาศที่ประหลาดที่สุด บรรยากาศแห่งความรักมีทั้งความอบอุ่น ร้อนเร่าและหนาวเหน็บ มีทั้งความสุขและความเศร้าระคนกัน มีทั้งความดีใจ น้อยใจ และเสียใจ มันเป็นทั้งยาบำรุงและยาพิษ เพราะอะไรข้าพเจ้าจึงกล่าวเช่นนี้
เพราะว่า ความรัก เป็นเครื่องชโลมใจ เชื่อมโยมบุคคลสองคนให้ไปมาหากันโดยไม่เบื่อหน่ายที่ไม่มีอะไรเหมือน ความรักเป็นสะพานทอดให้ดวงใจสองดวงกระโดดโลดเต้นเข้าหากัน เมื่อชักสะพานนี้ออกเสียแล้ว การติดต่อเกี่ยวข้องระหว่างบุคคลก็เป็นเพียงหน้าที่เท่านั้น หรือเพราะผลประโยชน์บางอย่าง แต่เมื่อมีความรัก ผู้ที่ตกอยู่ในห้วงรักนั่นเอง จะยอมเสียสละผลประโยชน์แห่งตนเพื่อคนที่ตนรักได้
เมื่ออยู่ใกล้คนรัก ทำให้ลืม ลืมโลก ลืมชีวิต ลืมความสมหวัง ความผิดหวังในเรื่องอื่นๆ เสียงทั้งสิ้น ซึ่งบางครั้งลืมได้แม้กระทั่วตัวเอง ใครจะเกลียดหรือชังก็ตามเถิด แต่อย่างไรก็ตาม ความรักก็ยังมีอานุภาพ มีอำนาจครองความเป็นใหญ่แต่ผู้เดียวในโลกนี้เป็นเวลานานมาแล้ว กำลังเป็นอยู่ และจะอยู่ต่อไปอีกนานเท่านาน เหลือที่จะคาดหมายเอาได้
อนึ่ง แม้ว่าความรักจะไม่มีตัวตน มองเห็นไม่ได้ แต่มันมีอำนาจบัญชาการ มีสิทธิ์นั่งอยู่บนหัวใจของปุถุชนทั้งหลาย บัญชาการให้ทุกอย่างเท่าที่มนุษย์ยอมมอบอำนาจให้มัน โดยเฉพาะความรักที่มีความใคร่สนับสนุนอยู่เบื้องหลังด้วยแล้ว จะใช้อำนาจอย่างไม่ยำเกรงใครเสียเลย ต่อเมื่อมนุษย์ส่วนใหญ่จะทราบว่าตนควรจะดำเนินชีวิตอย่างไร ควรจะปฏิบัติต่อความรักอย่างไรนั้น ก็ได้ถูกความรักย่ำยีมาเสียจนเกือบจะหาตัวตนไม่พบเสียแล้วก็มีนะครับ ผมว่าถูกหรือเปล่าครับท่านผู้อ่านทั้งหลาย…

วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ความหวังของผู้หญิง

อนาคตซึ่งสตรีส่วนใหญ่เป็นห่วง วิตกกังวลพร้อมๆ กันนั้นก็สร้างความหวังขึ้นอย่างบรรเจิดเพริดพราย หวังเพื่อให้อนาคตสดใสและสมบูรณ์จนบางครั้งเลยขอบเขตไป จนกลายเป็นการสร้างวิมานในอากาศก็มี ด้วยคุณลักษณะแห่งการเป็นห่วงอนาคตตรงนี้เอง สตรีจึงมักเป็นคนเก็บออมและสะสมทรัพย์ได้ดีกว่าบุรุษทั้งหลายนะครับ

วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2552

คำสอนแม่

ลูกเอ๋ย…แกเปรียบเสมือนเรือ ถึงแม้จะเป็นเรือลำเล็กๆ ก็ตาม ตอนนี้แกกำลังถูกปล่อยออกจาฝั่ง เพื่อจะแล่นออกไปกลางทะเล แกจะต้องเจอลม เจอพายุ เจอคลื่น เจออุปสรรค และแกคงจะกลัวว่าแกจะไปไม่ถึงฝั่ง แกคงกลัวเรือของแกจะล่มกลางทะเล อย่างไรก็ตาม เรือนั้นเป็นของแก แกเป็นผู้ต่อเรือเอง เป็นผู้ออกแบบเอง ถ้าแกออกแบบดีและต่อเรือดี แกก็จะถึงฝั่งอย่างปลอดภัยเหมือนการออกแบบชีวิต แกเป็นผู้นำชีวิตของแกเองว่าจะให้สดใส หรือขุ่นมัว ต่อให้เป็นเรือใหญ่ หากแล่นไปกลางทะเล เจอลมและคลื่น บางทีมันอาจล่มกลางทะเลได้ ถ้าหากเจ้าของเรือต่อเรือและออกแบบเรือของตัวเองไม่ดีเลย เหมือนชีวิตเจ้า เจ้าต้องเลือกทางเดินเองแล้วในตอนนี้ เพราะเจ้าใหญ่พอตัวแล้วนะลูก แต่ถ้าเมื่อใดเจ้าผิดหวัง เรือเจ้าล่มแม่ก็ยังยินดีให้อภัย และเป็นกำลังใจให้แกเสมอนะ…

วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ใครเล่ารู้ใจข้า

คนทำความชั่วเอง ย่อมเศร้าหมองเอง ใครเล่าจะรู้ข้างในใจของข้าว่า มันทุกข์เพียงใดในเวลานี้ ข้าผ่านผู้คนมามากมาย ไม่เคยกลัวเกรงใคร ไม่เคยยอมแพ้ใคร แต่ข้าพเจ้าไม่เคยเอาชนะใจของข้าพเจ้าได้เลย แม้แต่ครั้งเดียว บางครั้งข้าพเจ้าต้องเป็นฤาษีกินเหี้ยเสมอ (พวกมือถือสาก ปากถือศีล ปากปราศรัย ใจเชือดคอ) แล้วอย่างนี้ จำเป็นด้วยเหรอที่ข้าพเจ้าต้องบอกความทุกข์ภายในใจข้าพเจ้าแก่ใครๆ เสมอ จะสุขจะทุกข์อย่างไรมันก็อยู่ที่ใจมิใช่หรือ…

วันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ยิ่งยากยิ่งต้องใจเย็น

เวลาอ่านหนังสือ โดยเฉพาะหนังสือวิชาการที่ยากๆ นั้น เราต้องอ่านด้วยท่าทีที่เอาจริงเอาจัง มีสมาธิสูง พบปัญหาข้อข้องใจต้องค้นคว้า ต้องถามให้กระจ่างแจ้ง อย่างอ่านผ่าน ๆ แบบเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แล้วคิดว่าตัวเองเจ๋งไปแล้ว เดี๋ยวเถอะจะตกม้าตายในเวลาสอบนะครับตัวเอง…

วันพุธที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2552

โกงเขาเราขาดทุน

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในการเป็นคน คือ “ไม่ซื่อสัตย์” สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดของคนหนุ่มสาว คือ ท่วงทำนองที่ซื่อสัตย์ คำว่า “ซื่อสัตย์” หมายถึง ไม่หลอกลวงตนเองและผู้อื่น การไม่หลอก ลวงคนอื่นนั้นอาจจะง่าย แต่การหลอกตัวเองนี้สิยาก ท่วงทำนองที่ซื่อตรง หมายถึง การลุยงาน ไม่เอารัดเอาเปรียบคนอื่น ใครที่คิดจะเอาเปรียบผู้อื่น ผลสุดท้ายมักจะขาดทุนย่อยยับเสมอ ท่านว่าจริงไหม…

วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ความรู้คู่คุณธรรม

คนมีความรู้ดี ความประพฤติไม่ดี เปรียบเสมือนนกตาดี แต่ปีกหัก คนไม่มีความรู้ดี แต่มีความประพฤติดี เปรียบเสมือนนกตาไม่ดี แต่ปีกดี ส่วนคนมีความประพฤติไม่ดี และความรู้ไม่ดี เปรียบเสมือนนกมีทั้งปีกไม่ดี และตาไม่ดี แต่คนมีความรู้ดี มีความประพฤติดี ย่อมเปรียบเสมือนนกมีปีกดี และมีตาดีด้วย ย่อมบินไปได้ไกล และปลอดภัยดีเช่นกันนะครับ แล้วท่านอยากเป็นนกแบบไหนดีและ…

วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ทำไมต้องดอกนี้

อภินันท์เอ๋ย…ท่านดูบุบผาแถบนั้นงามสะพรั่ง ในสวน ในกระถาง ตามถนนหนทาง แต่มันก็มีวันร่วงโรย เหี่ยวเฉาไป ขอข้าพเจ้าเปรียบผู้หญิงเหมือนดอกบุบผาดอกหนึ่ง จะพบว่า บุบผามีดาษดื่นทั่วแผ่นดิน ใยเล่าเจ้าถึงจะต้องได้ลุ่มหลงดอกนี้เพียงดอกเดียวหนักหนาหนออภินันท์….

วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เอาอะไรกับชีวิต

ชีวิตคล้ายบุบผาร่วง คล้ายใบไม้แห่งเหี่ยว บ้างร่วงหล่น บ้างอับเฉา สุดท้ายไม่เหลืออะไรเลยนอกจากความดีและความชั่วนะครับ…

วันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2552

โลกกว้าง ฟ้าไกล ใจลึก

ถ้าท่านเงยหน้ามองขึ้น ทอดสายตาไปให้ไกลได้เท่าไร ท่านจะพบว่า มีใครๆ อีกเยอะแยะที่ท่านน่าหัวเราะเขา แต่ถ้าท่านก้มหน้าลง จนกระทั่งมองเห็นทรวงอกของตัวท่านเองแล้ว ท่าจะเห็นว่ามีอะไรอีกเยอะแยะที่ท่านจะหัวเราะเยาะตัวท่านเอง…

วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2552

แพ้แล้ว

สตรีที่เสาะแสวงหาบุรุษที่รักนาง นับเป็นสตรีที่ชาญฉลาด แต่สตรีที่ไม่แสวงหาบุรุษทีรักนางหรือแสวงหาบุรุษที่นางรัก นับเป็นคนปวดร้าว เธอไม่คำนึงว่าผู้อื่นใช่รักเธอหรือไม่ กลับบีบบังคับให้ผู้อื่นรักเธอ เธอรู้ไหม บนเส้นทางแห่งความรัก ข้าพเจ้ารับรองว่าเธอเป็นผู้แพ้ตลอดกาลแล้วนะ…

วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ความจริงของชาย

ท่านสุภาพสตรีทั้งหลาย ความรักของชายนั้นดูยากนัก เพราะชายแม้รักน้อย ก็พูดว่ารักมาก แต่เมื่อรักมากจะพูดว่ารักน้อยนั้นไม่เคยมีเลย ผิดกับหญิงมากเลย แม้รักมากก็จะพูดว่ารักน้อย แม้รักน้อยก็จะพูดว่า ไม่รัก ไม่รู้จักเลยเป็นที่สุด นี่คือ สตรีที่มีคุณสมบัติของกุลสตรี และควรแสวงหามาเป็นแม่ของลูกให้ได้นะครับ…

วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ความจริงของสตรี

ท่านรู้ไหมมีสตรีคนใดหรือที่จะโกรธหรือเกลียดชายที่ชมตัวเอง แต่ที่ข้าพเจ้านิ่งไปสักครู่นั้นก็เพราะมานึกขวยเขินในใจว่า คำชมของท่านนั้น เกินความจริงเหลือที่ข้าพเจ้าจะรับได้ จึงอยากจะปล่อยให้คำของท่านผ่านไปพร้อมๆ กับกระแสลมที่พัดผ่านมาเสียก่อนแล้วจึงค่อยสนทนากับท่านต่อนะ ท่านพี่…

วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เหตุแห่งรัก

ความสงสารเป็นทัพหน้าของความรักสำหรับชาย พอๆ กับความละอายเป็นเบื้องต้นแห่งความรักของหญิง และความรักที่เริ่มต้นจากความสงสารนั้น ยากนักที่จะสลัดได้ เหมือนความตายซึ่งเริ่มป่วยเพราะชรา ยากนักที่จะเยียวยาให้กลับฟื้นคืนสู่สภาพเดิมได้นะครับ ข้าพเจ้าต้องการให้ความรักของข้าพเจ้าเกิด และพัฒนาการเช่นนี้แหละครับ

วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

แม่อยู่ไหน

เมื่อยามย่ำสนธยา ท้องฟ้าด้านตะวันตกสีแดงฉาน เธอจะได้ยินเสียงผู้คนเรียกขานดังเจื้อยแจ้ว ลูกเล็กเด็กแดงร้องระงมดังสนั่น หมู่ปักษาปักษีโบยบินสู่รวงรังเป็นหมู่ๆ ส่วนข้าพเจ้าผู้อาภัพ พอคิดถึงตัวเอง ไม่รู้จะเรียกร้องหาใคร มีแต่หนังสือและความเงียบเหงาเป็นเพื่อน เมื่อยามดึกดื่นเสียงฝนตกรินหลั่ง น้ำตาของข้าพเจ้าก็พลอยหลั่งตามด้วย ขณะนี้เองข้าพเจ้าคิดถึงบิดา มารดาเป็นที่สุด ทั้งๆ ที่เกิดมาไม่เคยได้รับความอบอุ่นจากบิดาและมารดาเลย ยังไม่ได้สัมผัสกับความอบอุ่นแห่งความรักระหว่างพ่อ–แม่ –ลูกเลย มารดาไม่เคยเล่าเรื่องในหนหลังให้ข้าพเจ้าทราบเลย ข้าพเจ้าทราบว่า เด็กทุกคนเกิดมาต้องมีพ่อมีแม่ แต่พ่อแม่ข้าพเจ้าอยู่ที่ไหน เป็นอย่างไร ในเวลานี้ ข้าพเจ้าอยากมีพ่อมีแม่ แม้ว่าพ่อแม่จะเป็นคนยากไร้ หรือรูปร่างอัปลักษณ์สักปานใด แต่ขอให้เป็นพ่อแม่ที่ให้ความอบอุ่นแก่ฉันเท่านั้นก็พอแล้ว…

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ชีวิตที่ถูกหลอก

ชีวิตเจ้า ซึ่งเป็นชีวิตที่คนทั้งหลายมองเห็นเป็นความงดงาม สวยหรู แต่จะมีใครบ้างเล่าเคยนึกเห็นใจว่า มีความอึดอัดลำบากประการใด ชีวิตเจ้าและชีวิตพระเป็นชีวิตที่น่าสงสารพอๆ กัน คือถูกหลอก ถูกชักใย ถูกเยินยอปอปั้น ถูกมัดให้อยู่ในกรอบแห่งประเพณีรีตรองต่างๆ ที่ข้าราชบริพารและคนทั้งหลายเสกสรรปั้นแต่งขึ้น เมื่อเกิดมาเป็นเจ้า แม้จะมีเลือดมีเนื้อ มีความรู้สึกเหมือนคนทั้งหลาย ก็จะทำอย่างคนทั้งหลายไม่ได้ เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็พินอบพิเทาอ่อนน้อม ยกยอ สรรเสริญ เมื่อลับหน้าเขาก็แสดงอาการอีกอย่างหนึ่งก็มี
คราวนี้หันมามองชีวิตพระ ซึ่งศาสนิกเคารพนพนอบ พูดจายกย่อง ยำเกรงเหมือนหนึ่งว่าชีวิตพระเป็นชีวิตที่ประเสริฐแท้จริง แต่พอลับหลังก็พอกันค่อนขอดนินทา เยาะเย้ย เปรียบเปรย ถากถางด้วยถ้อยคำซึ่งแล้วแต่จะสรรหามาพูด ทำไมหนอ??มนุษย์พวกนี้ จึงนิยมทำตนเป็นคนไหว้หน้าหลังหรอกถึงป่านนี้ แต่ก็ช่างเถอะ!!เรื่องของโลกเป็นอย่างนี้ กระแสโลกเป็นกระแสร้อน ชีวิตนี้ไหลวนอยู่ในกระแสธารสองสาย สายหนึ่งเป็นกระแสน้ำเย็น สายหนึ่งเป็นกระแสน้ำร้อน ใครหมุนตัวเข้าไปในกระแสน้ำร้อนก็ร้อนตัวเอง ใครหมุนตัวเข้าไปในกระแสน้ำเย็นก็เย็นกายเอง กระแสธรรมเป็นกระแสเย็น ดวงใจนี้เป็นที่ไหลผ่านแห่งกระแสทั้งสอง ผู้ใดยอมให้กระแสโลกไหลผ่านดวงใจมาก ผู้นั้นย่อมได้รับความร้อนมาก ผู้ใดยอมให้กระแสธรรมไหลผ่านดวงใจมาก ผู้นั้นก็มีความชุ่มเย็นมากเท่านั้น โปรดคิดและมองในมุมที่จะทำให้ท่านมีความสุข ความเพลิดเพลินนะครับตัวเอง…

วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

อย่าดูหมิ่นคน

คนยากจน มีเลือดเนื้อ มีความรู้สึก มีความกลัวภัย และมีสัญชาตญาณในการสืบพันธ์เช่นเดียวกันกับคนมั่งมี ในเนื้อแท้ของคนไม่มีอะไรแตกต่างกัน จะต่างกันก็เพียงเปลือกนอกเท่านั้น ทำไมคนบางคนจึงมองข้างความจริงเรื่องนี้ไปเสีย แล้วมาตั้งหน้าตั้งตารังเกียจเดียดฉันท์กันว่า นั่นเป็นเจ้าเป็นนาย เป็นไพร่เป็นบ่าวกันทำไมนักหนาหนอ คนจนก็มีหัวใจเหมือนกันแหละนะ อย่าได้ดูถูกคนเลยครับ โปรดคิดถึงวันที่โดนเผามอดไหม้แล้ว ข้าพเจ้าเห็นไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย ยังไงคนจนก็คนคือกันนะครับ โปรดเข้าใจ…

วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เรียนรู้คู่คุณธรรม

คำว่า “การศึกษาที่สมบูรณ์”นั้น ข้าพเจ้ามิได้หมายถึง การศึกษาสูงเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึง ความรู้และความประพฤติดี ซึ่งต้องควบคู่กันไป คนที่มีความรู้ดี ความรู้สูง แต่ขาดความประพฤติดี ก็เหมือนไม้ที่สูงแต่หาใบมิได้ ไม่ร่มเย็น ให้ความสุขแก่ใครไม่ได้ ส่วนผู้ที่มีความประพฤติดี แต่ขาดความรู้ ย่อมเป็นเหมือนไม้ที่ใบมาก แต่ต้นเล็กเกินไป เตี้ยเกินไป พอคุ้มครองรักษาตัวเองได้ แต่เป็นที่พึ่งอาศัยของคนเดินผ่านมาผ่านไป หรือคนมีความทุกข์ที่เกิดจากความร้อนไม่ได้เช่นเดียวกัน แล้วอย่างนี้เธอจะเป็นคนแบบไหนละ…

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

อย่าลืมกำพืดเดิมนะ

วันนี้ข้าพเจ้าดูละคนเรื่อง ซือกงเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ พระราชาเห็นซือกงกินมันที่หมกในดินเลยถามว่า เป็นคนใหญ่คนโตแล้วทำไมต้องกินของพวกนี้ด้วย ไม่มีค่า ไม่น่ากิน เป็นของคนจนเขากินกัน และซือกงก็ตอบว่า ที่ฉันกิน เพราะฉันกินเพื่อจะได้ไม่ลืมตัว ว่าฉันเป็นคนจนมาก่อน เวลาจะทำอะไร จะได้ไม่ดูถูกคนจน ดูถูกชาวนา ทำตามความยุติธรรม เคารพสิทธิเสรีภาพของความเป็นมนุษย์ของคนทุกคน บางทีคนจน อาจดูข้างนอกหยาบกร้าน สกปรก แต่ข้างใน ซึ่งคือจิตใจของเขาดูแล้วอาจเป็นคนประเสริฐที่สุด เป็นเหมือนดังแม่พระของลูกๆ ของเขาเอง เหมือนเผือก มัน เผา ดูข้างนอกแล้วสกปรกไม่น่ากิน แต่ถ้าปลอกเปลือกออกแล้ว จะเห็นว่า สีทองเหลืองอร่าง หอม ชวนรับประทานมากนักหนา ฉะนั้นอย่าได้ดูถูกคนเลย อย่าลืมตัวเลยว่า ความสุขที่เราได้อยู่ในปัจจุบันก็เพราะอาศัยชาวบ้าน มีชื่อเสียงโด่งดังได้เพราะพวกเขา ดังนั้นควรจะรู้สึกถึงบุญคุณของพวกเขาบ้างอย่างได้หยิ่งนักนะครับ…

วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เสียใจจริง ๆ

ข้าพเจ้ายืนมองเธอจากไปอย่างช้าๆ จนสุดสายตา รู้สึกเหมือนใจจะหลุดลอยไปด้วย พร้อมๆ กันนั้นน้ำตาก็ไหลพรากลงอาบแก้ม ใครเล่าจะทราบซึ้งถึงความรู้สึกของข้าพเจ้ายิ่งกว่าตัวข้าพเจ้าเองได้ ตั้งแต่ลืมตาดูโลกมา ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ข้าพเจ้าได้รับรสแห่งการพลัดพรากจากคนอันเป็นที่รัก ดวงใจของข้าพเจ้ายังบอบบางเกินที่จะไปทนต่อการกระแทกกระทั้น แห่งความทุกข์ทรมานอันมักจะมีอยู่เสมอในชีวิตมนุษย์ผู้กระเสือกกระสนอยู่ในทะเลแห่งความหวัง ความต้องการ ความปรารถนาในอารมณ์อันเป็นที่รัก และความเป็นห่วงคนรัก และตนเอง..

วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

การทรมาน คือ การจากกัน

ภาพอันเป็นที่ตั้งแห่งความสะเทือนใจอย่างยิ่ง ก็คือ ภาพหนุ่มสาวที่เพิ่งรักกันใหม่ ๆ แล้วมีเรื่องที่คนรักจะต้องจากไปจากเมือง เพราะความจำเป็น เธอผู้อยู่เบื้องหลังก็คิดไปต่างๆ นาๆ ตามประสาแห่งสตรีซึ่งมักจะคาดเหตุการณ์ไปในทางร้าย จึงเฝ้าวอนสั่งเสียชายอันเป็นที่รักแห่งตนด้วยความอาลัยสุดหักห้าม ส่วนชายเล่าเมื่อใกล้เวลาขบวนรักจะออกก็รู้สึกเหมือนดวงใจของตนจะหล่นอยู่ ณ ที่นั้นนั่นเอง..

วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ใครน่ารักกว่าใคร

ความรักเป็นสิ่งสูงส่ง สวยงามมีความนิ่มนวล ละเมียดละไมแทรกซึมอยู่อย่างประหลาด การแสดงอะไรออกมาตามความรู้สึกของหัวใจ เป็นความผิดจนถึงต้องได้รับการดูหมิ่นเชียวหรือ ถ้าอย่างนั้นการมีเล่ห์กลมารยา การหลอกลวง ก็เป็นสิ่งที่ควรยกย่อง หรือเชิดชูกระมั่ง หามิได้ ทุกคนชอบความสนิทใจ ความสุจริตใจ เมื่อเธอได้กระทำอะไรลงด้วยความสุจริตใจ และสิ่งนั้นไม่ก่อความเดือดร้อนให้ใคร เธอจะมีความผิดอะไร ดันควรแก่การตำหนิเทียวหรือครับผม…

วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ใครโง่กว่าใคร

มีบ่อยครั้งเหลือเกินในโลกอันยุ่งเหยิงนี้ ที่สตรีหยิบยื่นหัวใจอันมีค่ายิ่งของเธอเพียงเพื่อแลกกับอารมณ์ของชาย โดยที่เธอไม่รู้ว่านั่นเป็นเพียงอารมณ์ของเขา มิใช่หัวใจหรือความรู้สึกที่แท้จริงอะไรเลย ยิ่งถ้าเธอเคราะห์ร้ายไปสมาคมด้วยชาย ซึ่งมีลิ้นอันราดรดฉาบทาไว้ด้วยน้ำตาลด้วยแล้ว เธอจะลิ้มแต่ความหวานซึ่งกระเซ็นออกมาจากปลายลิ้นของเขามิเว้นแต่ละวัน แต่ทั้งนี้มิได้หมายความว่าชายที่พูดหวานหูนั้น จะปราศจากความจริงใจและความซื่อสัตย์เสียทุกคนไป บางทีเธอก็รู้ว่านั้นเป็นอารมณ์ของเขามิใช่หัวใจเขา แต่เธอก็ยินยอมทั้ง ๆ ที่รู้นั่นเอง อะไรทำให้เธอยินยอม เป็นเรื่องที่เธอตอบไม่ได้ ตอบไม่ได้ว่าเพราะอะไร มีอยู่เหมือนกันมิใช่หรือที่สตรียินยอมมอบกายให้โดยที่ใจไม่ยินยอม สตรีทำได้ในทำนองเดียวกันบางคราวใจเธอก็ยินยอม แต่เธอไม่ยอมมอบกายให้
ความจริงข้อหนึ่งที่พวกผู้ชายมักจะมองข้ามไปเสีย คือสตรีนั้นมีความฉลาดในเล่ห์กลของมนุษย์ และเหลี่ยมคูของผู้ชาย แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าชายเธอมักแกล้งทำเป็นไม่รู้ พวกผู้ชายจึงเข้าใจว่าเธอโง่ ความจริงในเรื่องทำนองผู้ชายโง่กว่าผู้หญิงมากนัก การที่เข้าใจว่าผู้หญิงโง่นั้น ทำให้ผู้ชายรุกล้ำเข้าไปในวงชีวิตของเธออย่างทะนง และห้าวหาญ สตรีส่วนใหญ่มีสายเลือดมด มีธาตุสำลีอยู่มาก ในที่สุดเธอก็ยอม ยอมดื่มน้ำตาล และลอยคว้างเหมือสำลีที่ถูกลมแรงพัด
ความจริงอีกข้อหนึ่งซึ่งสตรีได้ก้าวหน้าไปไกลกว่าชายมาก คือ มีความรู้สึกว่า มีบางสิ่งบางอย่างในโลกนี้ที่ดีกว่า สดสวยกว่าความใคร่ทางร่างกาย ดังนั้นความรักของเธอจึงละเมียดละมัย อ่อนนุ่มและสูงส่งเหนือความใคร่ทางเนื้อหนัง ผิดกับความรักของชายซึ่งมักจะมีแต่ความเร่าร้อนและความปรารถนา มีความต้องการความสุขทางความใคร่ที่ฉาบฉวย ความปรารถนาของเขาเหมือนเด็กที่ต้องการกินข้าวต้มที่ยังร้อน ซึ่งเพิ่งยกลงจากเตาใหม่ ๆ ไม่ค่อยรู้จักรั้งรอเวลาอันเหมาะสม ผู้ชายจึงมักลิ้นพอง เจ็บปวด เพราะเรื่องทำนองนี้อยู่เนือง ๆ และในที่สุดผู้หญิงก็ต้องยอม ยอมเหมือนมารดาที่มีความกรุณา ไม่อาจทนต่อการรบเร้าเง้างอของลูกอีกต่อไป เมื่อเด็กน้อยได้กินข้าวต้มสมอยากแล้ว ก็ทิ้งชามจานไว้ให้เป็นภาระของมารดา แล้วออกวิ่งเล่นกับเพื่อนฝูงอย่างสนุกสนานเพลิดเพลินโดยมิต้องคำนึงว่า มารดาจะต้องรับผิดชอบอะไรบ้างและเหน็ดเหนื่อยเพียงใด
ผู้ชายส่วนใหญ่เป็นเพศที่ค่อนข้างเห็นแก่ตัวในเรื่องนี้ เขากินสบาย นอนสบาย เขามักจะคำนึงถึงและรู้จักแต่ความสุขสำราญแห่งตน ไม่ค่อยนำพาต่อหน้าที่หรือความรับผิดชอบร่วมกัน เขาเกิดมาเป็นชาย เขาภาคภูมิใจในความเป็นชายของเขา นอกจากนี้สิ่งแวดล้อมทั้งทางร่างกาย และสังคมยังเปิดโอกาสให้เขาใช้ความเป็นผู้ชายอย่างเต็มที่อีกด้วย ดังนั้น จึงไม่ต้องสงสัยเลยที่ผู้ชายบางคนใช้สิทธิเสรีภาพแห่งความเป็นชายเสียจนเกือบไม่เหลือ ความเป็นคน อยู่ในเรือนร่างและจิตใจของเขานะครับ…

วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ค่าของสตรี

คุณค่าของสตรี มิได้อยู่ที่ความมีจริต มารยา จนน่าเบื่อหน่ายเลย การพูดจาตามประสาซื่อสัตย์ และความสุจริตใจต่างหากเล่าเป็นเสน่ห์ในตัวคุณ อนึ่งเล่า คุณค่าของคนนั้น ข้าพเจ้าเห็นว่า ควรจะวัดกันตรงที่น้ำใจ เราอาจจะทราบอัธยาศัยของมิตรที่มีความห่วงใย กังวล เอาธุระของมิตรเสมอด้วยธุระของตน เมื่อเป็นดังนี้ การที่เธอพูดจาประสาซื่อ มีความสุจริตใจ มีความห่วงใย กังวลในตัวข้าพเจ้า ย่อมทำให้ข้าพเจ้าเห็นว่า เธอเป็นผู้มีคุณค่าและคุณสมบัติพอที่จะเป็นแม่ที่ดีของลูกได้ในอนาคตแน่แหละ …

วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

โปรดแยกแยะ…

ในชีวิตของข้าพเจ้านี้ ต้องการคนที่จะมาเป็นหุ้นส่วนของชีวิต เป็นแม่ของลูกอย่างดี เพราะข้าพเจ้านั้นเข้าใจอยู่แล้วว่าผู้หญิงนั้นมีหน้าที่มาก เมื่อลูกอยู่ในท้องต้องทะนุบำรุงครรภ์ของตัวอย่างสุดถนอมหาอะไรเปรียบมิได้ เมื่อลูกคลอดแล้วก็ระวังคุ้มครองรักษาและเลี้ยงดู รักยิ่งกว่าตนเอง ผู้หญิงต้องทำหน้าที่นี้อย่างดีที่สุด ต้องเป็นทั้งแม่ของลูก และเป็นเมียของพ่อ ในเวลาเดียวกัน แม่ต้องทำหน้าที่เมียที่ดีด้วยและเป็นแม่ที่ดีของลูกด้วย ไม่ใช่ทำหน้าที่แม่อย่างเดียวเท่านั้น จึงพยายามหาอยู่ในปัจจุบันนี้ไงละครับผม…

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

สื่อด้วยใจ

น้องหญิงเอย..จะมีสมณะรูปใดออกปากขอบิณฑบาตจากชาวเมืองชาวบ้าน ชาวนิคมบ้างแม้ว่าท่านปรารถนาก้อนข้าว เพื่อยังชีพอยู่ท่านก็หุบปากเสียสนิท ชาวเมือง ชาวบ้านชาวนิคม รู้อาการแห่งท่านแล้ว จึงพากันถวายอาหาร อันควรแก่สมณบริโภคน้องหญิง..เจ้าก็เช่นกัน เป็นเหมือนสมณะผู้สำรวมและเคร่งขรึมรูปนั้น ข้าพเจ้ารู้ดอกว่า เจ้านะมีหัวใจรักข้าพเจ้าอยู่มิใช่น้อย แต่เจ้าปกปิดบังไว้ เพราะความละอายประจำเพศของกุลสตรี ถ้าเพียงเท่านี้ข้าพเจ้ามิอาจรู้ให้ซึ้งได้ ต่อไปภายหน้าข้าพเจ้าจะปกครอง พาครอบครัวและดำเนินชีวิตไปสู่จุดหมายได้อย่างไรนะครับผม…

วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ครูสอนรัก

เนื่องด้วยความรักของข้าพเจ้าอยู่ที่คุณ ความรักสอนให้คนเอาใจใส่ สอนให้เป็นห่วงเป็นใยคนที่ตนรักความน่ารักของคุณเองสอนให้ข้าพเจ้ารักเมื่อเป็นดังนี้ คุณจะปฏิเสธหรือว่า คุณมิได้สอนความรักฉัน น้องหญิงเอย…ถ้าผู้พิพากษาคือ คุณคุกคือ อ้อมแขนอันอ่อนละมุนของคุณโทษที่ตัดสิน คือการจองจำตลอดชีวิต นักโทษแห่งความรัก คือ ฉันคนนี้ ก็ยินดีรักคำพิพากษาโดยไม่เกรงกลัวอะไรเลยแหละครับผม…

วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

สตรี คือ ศัตรู จริงหรือ

หญิงสาวหรือจะเอ่ยคำว่า “รัก” คำว่า “รัก” ของสตรีนั้นมีราคาแพงมาก เธอตีราคาคำนี้เสมอด้วยชีวิตและความหวังทั้งหมด แต่ก็มีอยู่บ้างเหมือนกันที่สตรีใจโลเล มีความรักไม่แน่นอน เอาแต่ใจตน มีความคิดสั้น แสวงหาแต่ความสุขอันฉาบฉวย ไม่มีรากฐานอะไรเลย
ถึงแม้ข้าพเจ้ามีรัก แต่ข้าพเจ้ารู้จักรัก รู้จักเรียน จริงอยู่สตรีอาจจะเป็นศัตรูของการศึกษาได้ ถ้าชายหนุ่มหมกมุ่นมากเกินไป แต่ถ้าถือเอาคุณเป็นกำลังใจให้บากบั่นได้ พยายามก้าวไปข้างหน้า อาจจะได้แรงบวกเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเพื่อตัวเราเอง และอีกส่วนหนึ่งเพื่อคนที่ข้าพเจ้ารัก ความรู้สึกดังกล่าวก็เป็นประโยชน์แก่ชีวิต การงานและการศึกษาอยู่มิใช่น้อย คุณว่าจริงหรือเปล่า?…

วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ใครผิด ใครถูก

ความจริงแล้วผู้ชายส่วนใหญ่มักจะมีนิสัยคล้ายคลึงกัน คือ มักจะล่วงเกินสุภาพสตรีเล็กๆ น้อยๆ ก่อนแล้วจึงขออนุญาตภายหลัง ทั้งนี้จะปรับเอาว่าเป็นความผิดของชายโดยส่วนเดียวก็หาไม่ เพราะหญิงส่วนใหญ่เป็นผู้ฝึกให้ชายเป็นอย่างนั้นเอง ถ้าเขาขออนุญาตก่อน หญิงมักจะไม่ยินยอม ไม่อนุญาตตามนิสัยรักนวลสงวนตัวของเธอ แต่เมื่อฝ่ายชายล่วงเกินเล็กๆ น้อยๆ ไปแล้ว เช่น จับมือถือแขนไปแล้ว จึงขออนุญาต เธอก็มักจะถือว่า เรื่องมันล่วงเลยไปแล้ว การที่เขายังอุตส่าห์ขออนุญาตก็เป็นความดีส่วนหนึ่ง ซึ่งในกรณีนี้ เธอมักจะยินยอมอนุญาตเสมอ สรุปแล้วก็ไม่มีใครถูกใครผิดเน๊าะ..

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

แค่นี้ก็พอแล้ว

สายฝนที่หยาดหยดจากฟากฟ้า เพื่อชโลมพื้นแผ่นดินให้ชุ่มฉ่ำ ต้นข้าว หมู่แมกไม้พฤกษาที่รอคอยได้ขจีเขียว ปู ปลา มีน้ำใหม่ให้แหวกว่ายอย่างงสนุกสนาน สัตว์น้อยใหญ่ได้รับความเย็นกายเย็นใจ เฉกเช่น สายหยาดหยดแห่งฝน คือ กำลังใจ จากคนที่คอยห่วงใย คอยถามไถ่ ห่วงหาอาทร เช่น คุณที่กำลังอ่านนี้ ได้หยาดหยาดเพื่อชโลมจิตใจของข้าพเจ้าให้ชุ่มฉ่ำ เย็น สบาย มีเรี่ยวแรงต่อสู้ ถึงแม้จะน้อยนิด แต่ก็มีคุณค่า ต่อชีวิตได้อีกนานหลายวัน เพราะการทรมาน คือ การรอคอย ต้นข้าวคอยฝน ..คนคอยคนรักจะมา…คนไข้คอยหมอ…ข้าพเจ้าชิรอ..กำลังใจจากคุณๆ อยู่นะ…

วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

จริงหรือ?

อำนาจเป็นใหญ่ในโลก..ถูกแล้วอำนาจเป็นใหญ่ในโลกผู้มีอำนาจย่อมพูดเสียงดังได้เสมอ เมื่อผู้มีอำนาจพูดผู้ด้อยอำนาจก็ต้องฟังจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ต้องฟังผู้มีอำนาจเมื่อไม่ใช้อำนาจแล้วเขาจะใช้อะไร บางคนใช้เงินเป็นอำนาจกดขี่ข่มเหงผู้มีเงินน้อย ซึ่งยอมตนเข้ามาพึ่งพาบารมี มนุษย์ประเภทนี้กระหึ่มครึมครางเสมอว่า "ฉันใช้เงินของฉัน ฉันไม่ได้ใช้คน” เขาจึงใช้คนอย่างไร้ความปราณีเพราะมั่นใจอยู่ว่าเขามิได้ใช้คนซึ่งมีเลือดเนื้อและชีวิตจิตใจ แต่เขาใช้เงินต่างหากเล่าส่วนสตรีมีความงามเป็นอำนาจบังคับขู่เข็ญให้มนุษย์ผู้ชายคอยสยบลงแทบเท้าของเธอเองเศรษฐีมีเงินเป็นอำนาจ ข้าราชการมีตำแหน่งเป็นอำนาจแต่อย่างไรก็ตาม ข้อแตกต่างมีอยู่ว่าใครจะใช้อำนาจได้ถูกต้องหรือใช้โดยไม่ถูกต้องเท่านั้นเองและสิ่งเหล่านี้ก็จะกลับมาหาเขาเหมือนเดิม มาทำลายหรือส่งเสริมอำนาจของเขาให้ดีขึ้น หรือสูญสิ้นไปก็ขึ้นอยู่กับตัวเขาเท่านั้น

วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ใครเล่าจะมาจริงใจเท่าตัวเราเอง

เมื่อโชคร้ายย่างกรายเข้ามาในชีวิตเรา อะไรๆ ก็ดูเหมือนจะขัดข้องไปหมด คนที่เคยรักก็คลายรัก คนที่เคยภักดีก็หนีห่าง เจ้าหนี้ก็ย่างกรายเข้ามาอย่างไร้ปราณี มนุษย์ส่วนมากมุ่งมองแต่กระทำในสิ่งอันจะเป็นประโยชน์แก่ตนในปัจจุบัน และเล็งผลเลิศในอนาคต กาลใดไร้เสียซึ่งผลประโยชน์แก่ตนดังกล่าว แม้จะเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมเพียงไร ก็จะมีใครเล่าสมัครใจทำ ไม่มีเรื่องอะไรที่ทำให้มนุษย์ขัดใจกัน จองเวร เข่นฆ่า ฟัน ทำลายกันไปยิ่งกว่าเรื่องผลประโยชน์ที่ขัดกันหรอกครับผม…

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

สุขแบบทรมาน

ภายในห้องสี่เหลี่ยมของมุมหนึ่งในเมืองกรุง ซึ่งเรียกว่าศรีวิไล แสงไฟสลัวบ้าง สว่างบ้าง จากเพดานสีขาดอันบริสุทธิ์ สะอาด ไร้ลวดลาย มีสิ่งประดับบ้างเล็กน้อย ตามความเหมาะสม ความงาม และรสนิยมของเจ้าของห้อง แสงสว่างได้สาดส่องให้เห็นใบหน้าของบุคคลสี่คน ที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวล ความคร่ำเครียด ความคิดที่จะทำงานให้เสร็จ กับเกมที่บอกว่า คลายเครียด แต่พวกเขาหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ยิ่งดูกลับยิ่งคร่ำเครียดขึ้น จนแสดงออกมาทางใบหน้าอย่างไม่รู้สึกตัว เนื่องจากนั่งมาตั้งแต่เทียงวันจนถึงเที่ยงคืน ซึ่งสีหน้าก็ได้เปลี่ยนไปบ้าง อย่างไรก็ตาม แม้ใบหน้าจะดูจืดไปบ้าง แต่ก็ยังมีแววแห่งความงามเหลืออยู่มิใช่น้อย นานๆ ครั้งจะเห็นแต่ละคนทอดสายตามองหน้ากันและกันเพื่อให้กำลังใจ แต่ข้าพเจ้าเห็นแล้ว สบตาแล้ว ถอนหายใจลึก ๆ มีอาการตรองอย่างลึกซึ้งถึงคำที่ว่า “คนรักกัน ย่อมรู้ใจคนที่จะรักได้ โดยไม่จำเป็นต้องบอก เพราะคนรักกันเรียนรู้ ที่จะเข้าใจกันอย่างเงียบๆ และง่ายๆ แค่สายตาที่มองสบกัน เท่านี้ก็เพียงพอ” คืนนี้ แม้จะเป็นเกมที่ทรมาน แต่ก็เบิกบานในทางจิตใจ จะสุขจะทุกข์ยังไงก็ขอให้ มีใครสักคนที่เข้าใจเราคอยเคียงข้างเท่านี้ก็พอเพียงแล้ว…คุณว่าจริงไหม?

วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ไม่เห็นโลกศพไม่หลั่งน้ำตา

ท่ามกลางโลกกำลังริบหรี่ สังคมกำลังแย่ แสงเทียนกำลังจะดับ ข้าวยากหมากแพง เงินทองหายาก โจรผู้ร้ายซุกชุม เหล่ามนุษย์ที่เรียกตัวเองว่า “สัตว์ประเสริฐ” ก็หาได้รู้สึกตัวไม่ ยังคงแก่งแย่งแข่งดีกัน แยกสีแยกขั่ว แยกพรรคแยกฝ่าย โยนความผิดให้แก่กันและกัน เบียดเบียน เข่นฆ่าจองเวร ข่มแหงรังแกกันและกันอยู่อีก แทนที่จะหันหน้าเข้าหากัน สามัคคีปรองดองกัน เพื่อให้เกิดพลังอันยิ่งใหญ่ฟันฝ่าอุปสรรค ต่อสู้กับความวิกฤติเหล่านี้ แสวงหาแสงสว่างเตรียมเทียน ฟืน ไฟ ก่อนที่ความมืดจะย่างกรายเข้ามาปกคลุมมากไปกว่านี้ หรือว่าพวกเขาอยากเห็นความวินาศวอดวายของตัวเองแบบไม่มีทางแก้ไขอย่างนั้นดอกหรือ…

วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

คุณสมบัติ

ผู้หญิงต้องมีความละอายเป็นนิสัย รู้จักรักนวลสงวนตัว จึงจะมีค่า เหมือนโบราณว่า “ผู้ครองเรือน (คฤหัสถ์) เกียจคร้านไม่ดี สมณะไม่สำรวมไม่ดี ผู้ใหญ่ทำการงานโดยไม่ใคร่ครวญอย่างรอบคอบไม่ดี สตรีไม่มีความละอายไม่ดี โสเภณีมีแต่ความขี้อายก็ไม่ดี” นี่คือคุณสมบัติ หรือธรรมชาติของความจริงที่เราจะว่าให้เขาไม่ได้ เมื่อเขาแสดงอาการเหล่านี้ออกมานะครับ…

วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ต้องเป็นเองถึงจะเข้าใจ

ลูกๆ มักจะไม่ค่อยรู้ว่า ความห่วงใยต่อพวกเขานั้นก่อความทุกข์ทรมานแก่พ่อแม่เพียงไร จะมีอะไรอีกเล่าในโลกนี้ ที่พ่อแม่จะรักและห่วงใยเท่ากับลูกๆ มนุษย์เรามีนิสัยรักและถนอมสิ่งที่สร้างขึ้นเอง ทำเอง คอยดูความเจริญเติบโตมาแต่เริ่มต้น ลูกเป็นสมบัติชั้นเยี่ยมที่พ่อแม่ได้สร้างขึ้น ท่านจึงรักและหวงแหนเท่าชีวิต หรือยิ่งกว่า แต่ลูกหาได้รู้ความจริงข้อนี้อย่างแจ่มแจ้งไม่ จนกว่าสักวันหนึ่งที่พวกเขาต้องอยู่ในภาวะเป็นพ่อ เป็นแม่เอง เมื่อนั้นแหละ พวกเขาจึงได้รับความรู้โดยตรง (Direct Experience) และเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่า ความรัก ความห่วงใย ของบิดามารดาเป็นอย่างไร ท่านผู้อ่านว่าอย่างผมไหมหนอ…?…

วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ยุคประหยัด

ยุคประหยัดนี้ แม้แต่หัวใจของเรา เราก็ต้องประหยัด จะมอบให้ใครง่าย ๆ หรือแจกจ่ายอย่างฟุ่มเฟือยไม่ได้ หัวใจก็มีเวลาหมดเหมือนกัน ข้าพเจ้าหมายความว่า มันหมดคุณภาพ (Quality) และประสิทธิภาพ ที่เป็นหัวใจเข้มแข็ง ดีงามอีกต่อไป เพราะข้าพเจ้ามองว่า จิตใจคนเราก็มีคุณภาพคล้ายกับกระดาษทิชซู่ หรือกระดาษซับ ถ้ามันซับเอาความผิดหวัง ความเสียใจไว้มาก ๆ มันก็ทนไม่ไหว หมดคุณภาพที่จะซับอีกต่อไป การหวังแล้วผิดหวัง หวังแล้วผิดหวัง ต่อไปเรื่อย ๆ รับรองหัวใจก็ทนต่อความบอบซ้ำไม่ไหว ไม่งั้นคงไม่มีการฆ่าตัวตายเพราะความเจ็บซ้ำหรอกนะครับ ก็เนื่องจากสาเหตุที่คุณไม่ประหยัดนี่เองครับผม…

วันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ต่างคนต่างเหตุผล

มีนักโทษอุกฉกรรจ์ในเรือนจำ อยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่รู้จักว่า “ตัวเองผิด” อาชญากรเหล่านี้เป็นมนุษย์ เช่นเดียวกับคุณและผม ดังนั้น เขาจึงมีเหตุผลของตนเอง เพื่ออธิบายพฤติกรรมของเขา เขาจะเล่าให้คุณฟังถึงเหตุผล ที่ต้องงัดตู้เซฟ เหตุผลที่ต้องข่มขืนแล้วฆ่า เหตุผลที่ต้องเหนี่ยวไกปืนอย่างไม่ยั้งคิด คนเหล่านี้พยายามสร้างเหตุผลที่จะอธิบายให้คุณฟัง แม้ว่าเหตุผลนั้นจะไม่เข้าท่านักก็จริง หากจะถามว่า เขาอธิบายเพื่ออะไร? คำตอบที่ได้คงจะเป็น เพื่อให้ใครต่อใคร รวมถึงตัวเขาด้วยเห็นใจในการกระทำของเขา อันเป็นศัตรูต่อความสงบของสังคมนั้นนะครับ…ยังไงต่างคนต่างคิด เอาใจเขามาใส่ใจเราบ้าง สันติภาพ ภราดรภาพคงจะเกิดขึ้นในไม่ช้านะครับผม…